Cover-บทความ-ขายขนมอะไรดี

ขายขนมอะไรดี มาหาคำตอบกันในบทความนี้

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

หลายคนกำลังมองหาอาชีพเสริมที่ทำเงินได้ในช่วงนี้ ก็อาจจะคิดถึงขนมเป็นสิ่งแรก เพราะสามารถทำขายได้ในราคาไม่แพง ขายง่าย และหาสูตรได้ไม่ยาก เพียงหาคลิปวีดีโอสอนจากอินเตอร์เน็ตทั้งบน Youtube หรือว่า Facebook แล้วนำมาปรับเป็นสูตรของคุณเอง

และสำหรับการขายก็มีช่องทางมากมายไม่ว่าจะขายแบบออฟไลน์แบบเปิดร้าน ขายให้เพื่อน ขายให้คนรู้จักก็สามารถทำได้ 

รวมไปถึงช่องทางออนไลน์อย่างบน Instagram, Facebook, Line หรือ Shopee, Lazada ก็สามารถแพคขายได้ตามออเดอร์ ขนมจึงถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง ที่น่าสนใจมากในการลงทุน ทำธุรกิจแต่จะขายขนมอะไรดีให้ประสบความสำเร็จและได้กำไรดีก็มีหลายสาเหตุ หลายปัจจัย ในบทความนี้เรามาหาคำตอบกันดีกว่า จะเลือกขายขนมอะไรดีให้ตอบโจทย์ทั้งตัวคุณ และลูกค้าด้วย

จะทำขนมขายต้องเริ่มจากอะไรก่อนดี 

จะทำขนมขายต้องเริ่มจากอะไรก่อนดี

แน่นอนว่าการเริ่มต้นต้องมีการวางแผนเอาไว้ให้ดีก่อน ถ้ายังไม่รู้ว่าจะขายขนมอะไรดีลองมาเริ่มจาก 3 ขั้นตอนนี้กันก่อนเลย 

1. เลือกทำขนมอะไรขายดี

อันดับแรกก่อนที่จะเลือกว่าทำขนมอะไร ควรเลือกทำจากความชอบของเรา ว่าชอบทานขนมประเภทไหน ไม่ว่าจะเป็นขนมไทย เบเกอรี่ เพราะว่าคุณอาจจะมีประสบการณ์หรือได้ทานขนมนั้นอยู่บ่อยๆ จึงจะให้รู้ว่ารสชาติของขนมที่คุณชอบนั้นต้องเป็นแบบไหน หรือจะออกแบบหน้าตาของขนมนั้นยังไงดีให้แตกต่างจากในตลาด ซึ่งขนมที่เริ่มได้ง่ายๆ มีทั้ง

  • วุ้นกะทิ
  • วุ้นกรอบ
  • สังขยา
  • ขนมฟักทอง
  • บราวนี่
  • พาย
  • เค้ก
  • พานาคอตต้า
  • บานอฟฟี่
  • บิสกิต
  • คุกกี้

2. เลือกขนมที่เป็นที่ต้องการของตลาด

สำรวจตลาดก่อนว่าจะขายขนมอะไรดีที่เป็นกระแส หรือได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ อาจจะสังเกตดูจากเพื่อนๆ ของตัวคุณเองว่านิยมทานอะไร หรือดูจาก Social media ที่เพื่อนๆของคุณชอบแชร์ หลังจากนั้นนำมาตั้งแต่เป็นกลุ่มเป้าหมายว่าขนมของคุณนั้นจะเจาะไปที่ตลาดกลุ่มไหน เช่น

  • กลุ่มวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา : ควรเลือกที่จะทำขนมที่มีความสวยงาม ดึงดูดกลุ่มวัยรุ่นได้ และมีหน้าตาที่ทำให้คนซื้ออยากถ่ายรูปลงบน Social Media ของตัวเอง
  • กลุ่มวัยทำงาน : ควรเลือกเป็นขนมที่สามารถทานได้ง่าย หลากหลายโอกาส หรืออาจจะเป็นขนมที่เหมาะกับคนทำงานที่รักสุขภาพ โดยเปลี่ยนวัตถุดิบบางอย่างเองก็ได้
  • กลุ่มผู้สูงอายุ : อาจเลือกเป็นขนมที่ไม่แข็งจนเกินไป สามารถทานได้ง่าย และมีรสชาติที่ไม่หวาน หรือเค็ม มากจนเกินไป

3.อาจเลือกทำขนมจากวัตถุดิบที่มีอยู่รอบตัวคุณ  

สำหรับคนที่มีบ้านอยู่ต่างจังหวัด ก็มักจะมีไม้ผลอยู่หลากหลายกว่า หรืออาจะเป็นผลไม้ประจำถิ่นที่หากินได้ยาก การเอามาเพิ่มมูลค่าด้วยการทำขนมขายก็เป็นทางเลือกที่ดีเชียวล่ะ ไม่ว่าจะเป็นมะม่วง มะยม มะพร้าว กล้วย โดยสามารถนำมาทำ

  • มะม่วง : มะม่วงตากแห้ง มะม่วงกวน นำมาตกแต่งหน้าเค้ก 
  • มะยม : มะยมเชื่อม
  • มะพร้าว : น้ำมาทำเป็นไส้ขนม ตกแต่งหน้าขนม หรือทำวุ้นมะพร้าว เต้าฮวยมะพร้าวอ่อน
  • มะพร้าวแก่ : ทำเป็นมะพร้าวแก้ว หรือนำไปคั้นกะทิก็สามารถนำไปทำขนมได้อีกหลากหลายชนิด
  • กล้วย : กล้วยฉาบ กล้วยตาก กล้วยเชื่อม กล้วยอบน้ำผึ้ง ขนมกล้วย 

อุปกรณ์ที่ต้องมีติดครัวเอาไว้ ถ้าอยากทำขนมขาย

อุปกรณ์ที่ต้องมีติดครัวเอาไว้ ถ้าอยากทำขนมขาย

เมื่อรู้แล้วว่าจะขายขนมอะไรขายดี ขั้นตอนต่อไปมาดูกันว่าอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานในการทำขนมมีอะไรกันบ้าง

1. ที่ร่อนแป้ง เป็นอุปกรณ์ที่ต้องมีในการทำเบเกอรี่ ใช้สำหรับร่อนแป้งเพื่อไม่ให้จับตัวเป็นก้อนจากการที่เก็บไว้นาน จึงต้องนำมาร่อนให้แตกตัวก่อนที่จะนำไปปทำขนม ซึ่งแป้งที่ผ่านการร่อนแล้วจะทำให้เนื้อขนมฟู เนื้อนุ่ม และเนียน น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น

2. ช้อนตวง ใช้สำหรับตวง ผงและของเหลวต่างๆ ให้ได้สัดส่วนที่พอดี ไม่ว่าจะเป็น วานิลลา เกลือ เบกกิ้งโซดา ผงฟู โดยที่ปลายของที่จับจะมีตัวเลขกำกับไว้ว่าเป็นขนาดและปริมาณเท่าไหร่

3. ถ้วยตวง นอกจากช้อนตวงที่จะใช้ตวงของแห้ง ของเหลวต่างๆ แล้วนั้น ถ้วยตวงจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งจุดประสงค์นั้นก็ใช้เหมือนกัน นั่นคือใช้วัดและตวงส่วนผสมไม่ให้ขาดและเกิน โดยถ้วยตวงมีให้เลือกทั้งแบบที่ทำมาจาก พาสติก อะลูมิเนียม และสแตนเลส ตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน

4.เครื่องผสม เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการรวมส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ปกติแล้วแบ่งออกได้ 3 แบบ

  • ตะกร้อมือ : เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ผสมวัตถุดิบ ซึ่งใช้แรงจากตัวคุณเอง เหมาะสำหรับมือใหม่และมีราคาไม่สูงจนเกินไป
  • ตะกร้อมือแบบไฟฟ้าแบบถือ : เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยผ่อนแรง เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ไม่อยากเมื่อยมือใในการตีส่วนผสม ซึ่งสามารถเปลี่ยนหัวปั่นได้ 2 แบบคือ หัวตีรูปตะกร้อและ หัวตีรูปตะขอ
  • เครื่องผสมพร้อมโถ : เป็นเครื่องที่ใช้ตีส่วนผสมเข้าด้วยกัน โดยสามารถเลือกความเร็วในการผสมได้ตั้งแต่ เบา กลาง เร็ว พร้อมกับหัวผสมอีก 3 แบบ หัวผสมรูปตะกร้อ หัวผสมรูปตะขอ หัวผสมรูปใบพัด โดยเครื่องผสมจะสะดวกที่สุดในการใช้ตีส่วนผสมมากที่สุด เพราะช่วยทุ่นแรงและสามารถทำได้หลายรอบ

5. ไม้พาย เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ปาดให้วัตถุดิบต่างๆ เข้าด้วยกัน มีทั้งแบบซิลิโคนและแบบพลาสติก วิธีการเลือกควรดูจากลักษณะของการใช้งาน เช่น ถ้าต้องใช้ทำกับของร้อนบย่อยๆ ควรเลือกวัสดุแบบที่สามารถทนความร้อนได้ และยืดหยุ่นสูง 

6. เตาอบ สำหรับการทำเบเกอรี่ โดยเตาอบสามารถทำขนมได้หลายอย่าง มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ มีหลากหลายราคา ควรเลือกแบบที่มีทั้งไฟบน – ไฟล่าง และพัดลมที่ช่วยกระจายความร้อนในการอบให้ทั่วถึง

เคล็ดลับการทำขนมขายที่ทุกคนต้องรู้

เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะทำขนมอะไรขายดี ลองมาดูเคล็ดลับก่อนเริ่มลงมือกันอีกสักหน่อย เพื่อเป็นไอเดียก่อนตัดสินใจลงทุนเปิดครัวทำขนมขายของคุณ

1. ขนมส่งขายควรเก็บไว้ได้หลายวัน

เลือกขนมที่สามารถเก็บไว้ได้หลายวัน ไม่เสียง่ายการที่เราเลือกขนมที่สามารถเก็บได้หลายวัน มีข้อดีตรงที่เราไม่จำเป็นที่จะต้องขายให้ได้หมดเลยภายในวันนั้นลดการทิ้งของที่เหลือจากการขายและสำหรับการส่งขายทางไกลในต่างจังหวัดก็ยังไม่เสียคุณภาพอีกด้วย  

ขนมที่สามารถเก็บไว้ได้หลายวันโดยที่ไม่ต้องแช่เย็น มักเป็นขนมที่แห้ง เช่น คุกกี้ คอร์นเฟล็ก บราวนี่ พาย แครกเกอร์ กล้วยฉาบ ขนมผิง ขนมดอกจอก วุ้นกรอบ เป็นต้น

2. ใส่ใจหน้าตาบรรจุภัณฑ์

นอกจากหน้าตาของขนมที่น่ารับประทานแล้ว ก็ต้องเลือกบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามด้วย เพราะการเลือกบรรจุภัณฑ์ของขนมที่คุณขายนั้นมีผลต่อการตัดสินใจของผู้ซื้ออย่างมาก หากเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีความสวยงามแล้วนั้น ส่งเสริมให้ยอดขายของคุณเพิ่มขึ้นได้ไม่ยากเลย แถมยังง่ายต่อการโปรโมทลงสื่อ Social Media อีกด้วย 

นอกจากนี้ยังควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาจจะเป็นกระดาษ หรือพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ได้ความสวยงามแล้ว ยังได้ใจกลุ่มลูกค้าที่รักสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

3. เลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ 

การที่คุณเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ถึงแม้ว่าจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่หากเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีขนมของคุณก็จะออกมาดีเช่นกันเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้ขนมของคุณขายดิบขายดีได้ไม่ยากเลย เช่น

  • การเลือกใช้น้ำตาล : จริงๆ แล้วน้ำตาลมีหลากหลายชนิดมาก ไม่ว่าจะเป็น น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลปึก น้ำตาลไอซิ่ง น้ำตาลกรวด การเลือกใช้น้ำตาลให้ถูกประเภทกับขนมของคุณก็มีผลต่อรสชาติ
  • การเลือกใช้กะทิ : ในปัจจุบันมีกะทิสำเร็จรูปบรรจุกล่อง สามารถลดขั้นตอนการคั้นกะทิไปได้ เพิ่มความสะดวกสบาย แต่กะทิกล่องสำเร็จรูปนั้น ก็ยังให้ความเข้มข้น มันไม่เท่ากับกะทิที่คั้นสด

และไม่ใช่ว่าวัตถุดิบที่มีคุณภาพจะต้องมีราคาที่สูงขึ้นตามเสมอไป คุณยังสามารถหาแหล่งที่ซื้อวัตถุดิบที่ราคาถูกกว่าทั่วไปได้ โดยอาจหาได้จากอินเตอร์เน็ต หรือ Market Place ชั้นนำทั่วไป 

4. เอาใจกลุ่มรักสุขภาพ 

ในปัจจุบันนี้คนส่วนมากหันมาดูแลรักษาสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยการควบคุมน้ำหนัก และควบคุมไขมัน อาจจะเลือกใช้ เช่น

  • นมที่มีไขมันต่ำ (Low Fat) แทนนมสดปกติ 
  • สำหรับคนที่แพ้แลคโตส ก็เลือกนมแลคโตสฟรี หรือใช้นมอัลมอนแทน 
  • ใช้น้ำผึ้งหรือหญ้าหวานแทนน้ำตาล  
  • ใช้สีที่มาจากธรรมชาติแทนสีผสมอาหาร ได้แก่
  • สีเขียว : ใช้ใบเตยแทนสีเขียว นอกจากจะได้สีเขียวจากใบเตยแล้ว ยังได้กลิ่นหอมอีกด้วย
  • สีดำ : ใช้กาบมะพร้าวเผาจนไหม้ใส่น้ำคั้น กรองด้วยผ้าให้เหลือแต่สีดำ ก็สามารถนำไปใช้ได้เลย
  • สีเหลือง : ใช้ขมิ้นให้สีเหลือง มีกลิ่นหอม ทุบขมิ้นให้แตกห่อผ้าแล้วนำไปแช่กับน้ำให้ออกสี หรือจะเป็นฟักทอง นำฟักทองไปนึ่งแล้วนำมาบด 
  • สีม่วง : ดอกอัญชัน ให้ต้มน้ำให้เดือดแล้วนำดอกอัญชันใส่ลงไป หลังจากนั้นให้หยดน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย
  • สีแดง : ดอกกระเจี๊ยบ จะได้สีแดงเข้ม จากกลีบดอกที่เป็นเปลือกหุ้มนำมาต้มกับน้ำ
  • สีเหลืองอ่อน : ดอกคำฝอย 

5. เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของคุณ

เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของคุณ

ในการขายขนมคุณสามารถเพิ่มมูลค่าสินค่าเพิ่มได้อีก โดยการใช้วัตถุดิบที่มีประโยชน์ เช่น 

  • ลูกเกด มีสรรพคุณ ช่วยย่อยอาหาร ลดกรดในกระเพาะอาหาร มีธาตุเหล็กสูง
  • งาขาว มีสรรพคุณ ช่วยรักษาโรคเบาหวาน รักษากระดูกเสื่อม 
  • งาดำ มีสรรพคุณ ช่วยรักษาโรคอัลไซเมอร์ มะเร็ง ข้อเข่าอักเสบ
  • อัลมอนด์ มีสรรพคุณ สลายไขมัน ลดอาการอ่อนเพลีย ลดน้ำตาลในเลือด ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ระบบขับถ่ายดีขึ้น
  • ม็ดมะม่วงหิมพานต์ มีสรรพคุณ ทำให้หัวใจแข็งแรง ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยป้องกันการก่อตัวของโรคนิ่ว สามารถเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูกได้
  • ผลไม้แห้งต่างๆ มีสรรพคุณ ช่วยป้องกันการชักกระตุกของกล้ามเนื้อ ลดอาการบวมน้ำ ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
  • โดยสามารถเพิ่มเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุดิบในขนมของคุณ ก็สามารถเพิ่มความอร่อยและเพิ่มมูลค่าของคุณได้อีกด้วย

6. การคำนวณสัดส่วนที่ถูกต้อง

การทำขนมต้องอาศัยการชั่ง ตวง วัด ที่แม่นยำการประกอบอาหารไม่ว่าชนิดใด จะต้องมีการชั่ง ตวง วัด ส่วนผสมที่แม่นยำเนื่องจากหากขาดส่วนประกอบส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือมีส่วนประกอบใดมากเกินไป ก็จะทำให้รสชาติผิดเพี้ยนไป ไม่อร่อย ดังนั้นคุณควรที่จะมีอุปกรณ์ในการชั่ง ตวง วัด ให้พร้อมก่อนที่จะลงมือทำขนม

สรุปท้ายบทความ

จะขายขนมอะไรดีทีนี้ก็เป็นตาของคุณเลือกแล้ว แต่การจะทำขนมขายก็ต้องอาศัยประสบการณ์ การลองผิด ลองถูก กว่าจะได้เป็นสูตรที่ลงตัว อร่อย และสามารถจำหน่ายได้ดังนั้นหากยังไม่ประสบความสำเร็จในการทำตั้งแต่ครั้งแรก ก็ไม่ควรที่จะท้อถอยไปเสียก่อนให้ลองทำจนกว่าประสบความสำเร็จ อาจจะอาศัยให้คนรอบตัวเป็นคนช่วยชิม ช่วยตัดสิน 

นอกจากประสบการณ์ที่ต้องสะสมมาแล้วนั้น ความคิดสร้างสรรค์ การตกแต่งอาหารออกมาให้น่ารับประทาน และบรรจุภัณฑ์ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ขนมของคุณสามารถขายได้ไม่ยากเลยค่ะ