Cover-บทความ-การทำขนมขาย

อยากทำขนมขายควรเริ่มต้นยังไงดี? บทความนี้มีคำตอบ

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

หนึ่งในอาชีพในฝันของคนหลายคน เชื่อว่าจะต้องมีอยากทำขนมขายติดโผแน่นอน ไม่ว่าจะขนมหวาน ขนมไทย หรือเบเกอรี่เองก็ตาม เพราะอาจจะเริ่มจากการทำขนมเป็นงานอดิเรก ไปจนทำกินเองบ่อยๆ หรือนำไปฝากคนรอบข้าง จนคนรอบข้างชิมแล้วติดใจจนรู้สึกว่าขนมของเรารสชาติดีจนน่าจะผันตัวมาทำขนมขายได้ จุดประกายให้เราอยากทำขายเองในที่สุด หรือแม้แต่ใครก็ตามที่อาจจะยังไม่เคยทำขนม แต่อยากขาย เพราะช่วงนี้ก็เป็นยุคคาเฟ่มาแรงสุดๆ ทำขนมขายน่าจะรุ่งได้ไม่ยาก!

แต่การจะทำให้งานอดิเรกกลายมาเป็นอาชีพ บอกเลยว่าการเตรียมตัวสำคัญมาก เพราะในยุคนี้ที่มีคนอยากทำขนมขายเยอะ และมีช่องทางวางขายได้ง่ายๆ 

ดังนั้นหากอยากประสบความสำเร็จในการทำขนมขาย แนะนำว่าจะต้องมีการวางแผนดีๆ ไม่ว่าจะเป็นต้องคำนึงถึงสูตรขนม รูปแบบขนมที่จะขาย ราคา สถานที่ขาย หรือหากอยากทำขนมขายออนไลน์ก็จะต้องคำนึงถึงการจัดส่งขนมไม่ให้เสียหาย หรือหมดอายุระว่างทางอีกด้วย เรียกได้ว่ามีหลายปัจจัยมากที่จะทำให้ความอยากทำขนมขายของเรา กลายเป็นอาชีพที่ทำรายได้ดี

วันนี้เราจะพามาหาคำตอบด้วย 11 ข้อเตรียมตัวสำหรับคนอยากทำขนมขาย ที่จะทำให้การทำขนมขายของคุณไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นเรื่องง่ายๆ และเป็นอาชีพได้

11 เคล็ดลับเตรียมตัวหากอยากทำขนมขาย

1. คุยกับตัวเองให้ดีก่อน

ก่อนจะเริ่มขายขนม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่เราควรรู้จักตัวเอง แนะนำให้ลองคิดทบทวนก่อนว่าความอยากทำขนมขายของเราจะอยู่ยาวนานแค่ไหน? 

เพราะแน่นอนว่าหากเริ่มขายขนมแล้วอาจจะต้องแลกมาด้วยการเตรียมเงินทุน การให้เวลากับการทำขนม และการลงแรง ดังนั้นแล้วหากคุณรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะให้เวลากับเต็มที่กับการทำ อาจจะเพียงเหมาะกับการทำเป็นงานอดิเรก ทำสนุกๆ ให้กับคนในครอบครัว และเพื่อนๆ ทานจะดีกว่า แต่ถ้าคำตอบคืออยากทำขนมขายมาก! พร้อมที่จะให้เวลา และลงแรงอย่างเต็มที่ เตรียมตัวอ่านข้อถัดไปได้เลย

เคล็ดลับเตรียมตัวหากอยากทำขนมขาย

2. เงินลงทุน

เงินสำหรับใช้ในการเตรียมตัวเปิดร้าน ตั้งแต่การซื้อวัตถุดิบ อุปกรณ์ทำขนมต่างๆ ไปจนถึงค่าจ้างหากมีคนช่วยทำขนม ซึ่งในช่วงแรกเราต้องลงทุนเอง แต่เงินทุนที่ใช้จะมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับประเภทขนม จำนวนขนม สถานที่จำหน่าย และอีกหลายปัจจัยที่เราตั้งใจเอาไว้ด้วย

3. เลือกประเภทขนมที่จะขาย

เริ่มต้นจากหาจุดเด่นของขนมที่เราจะขายก่อน ว่าขนมประเภทไหนที่เรามั่นใจในฝีมือของตัวเองว่าอร่อย และคนทานจะรู้สึกประทับใจ 

โดยแนะนำให้เลือกจากความถนัดก่อน ว่าอยากทำขนมขายประเภทไหน เป็นเบเกอรี่ หรือขนมไทย ในช่วงแรกอาจจะวางขายเพียงแค่ 2-3 ชนิดก่อน (แต่อาจจะต้องดูสถานที่จำหน่ายประกอบด้วย) เพื่อให้เราคล่องตัวก่อนในการทำ หลังจากนั้นเมื่อขายไปจนอยู่ตัวแล้ว อาจจะค่อยๆ เพิ่มขนมชนิดอื่นอีกได้

4. สูตรขนมต้องชัดเจน หาจุดเด่น

สิ่งสำคัญที่สุดของการทำขนมขายคือสูตรต้องชัดเจน ที่ไม่ว่าจะทำกี่ครั้งควรจะต้องได้รสชาติแบบเดียวกัน รสชาติไม่เหวี่ยงไปเหวี่ยงมา 

เพราะเมื่อขายแล้วอาจจะต้องทำครั้งละมากๆ ทำให้เรากะสูตรได้ยาก ดังนั้นแล้วก่อนขายจริงแนะนำให้ฝึกทำบ่อยๆ ซึ่งในขั้นตอนนี้เราอาจจะให้คนใกล้ชิดที่ได้ชิมรสชาติของเราบ่อยๆ ช่วยในการแนะนำก็ได้ว่ามีรสชาติเหมือนกันในการทำแต่ละครั้งหรือไม่

และต้องมองหาจุดเด่นที่ทำให้เราอยากทำขนมขาย ว่านอกจากรสชาติที่อร่อย เราอาจจะมีการเพิ่มเติมสีสันให้กับขนม ไม่ว่าจะหน้าตาของขนม สูตรของขนมที่แตกต่างจากคนอื่น หรือแม้แต่รสชาติที่แปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยมีใครทำขาย

สูตรขนมต้องชัดเจน หาจุดเด่น

5. เตรียมวัตถุดิบ อุปกรณ์ พื้นที่ทำขนมให้พร้อม

เพราะหากอยากทำขนมเป็นอาชีพแล้ว นอกจากความอร่อยหัวใจของคนทำอาหารทุกคนคือความสะอาด รับผิดชอบต่อคนทาน 

ดังนั้นแล้วพื้นที่ที่เราทำขนมควรทำความสะอาดเป็นประจำ และเมื่อต้องทำจำนวนมากๆ อุปกรณ์ และส่วนผสมที่ใช้ก็จะต้องเยอะตามไปด้วย จึงควรเป็นพื้นที่ที่มีบริเวณกว้าง เพราะเชื่อว่าอุปกรณ์ที่ใช้ทำขนม โดยเฉพาะขนมประเภทเบเกอรี่ที่อาจจะต้องมีทั้งเครื่องปั่น เครื่องนวด หรือเครื่องอบขนม ล้วนแต่เป็นอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่ทั้งนั้น

6. ขายที่ไหนดี?

อันดับแรกต้องคิดก่อนว่าเราอยากขายแบบไหน เพราะปัจจุบันมีพื้นที่ขายหลายช่องทางมาก ไม่ว่าจะเปิดเป็นร้านขายเลย ฝากขายหน้าร้านคนอื่น ขายแบบพรีออเดอร์ หรือขายออนไลน์

เปิดร้านขาย

เมื่อตั้งใจว่าจะต้องการอยากทำขนมแบบขายหน้าร้าน สิ่งที่ต้องคำนึงต่อมาก็คือทำเลหน้าร้านที่ควรเลือกให้เหมาะกับขนมที่เราจะขายว่ากลุ่มลูกค้าเป็นใคร เช่นอยากขายเบเกอรี่ให้กับวัยรุ่นก็อาจจะต้องเลือกย่านฮิตๆ แต่ก็อาจจะมาพร้อมกับราคาของทำเลที่สูงตามไปด้วย และยังไม่รวมถึงการตกแต่งร้านที่จะต้องคำนึงถึงภายหลังอีก

ฝากขายหน้าร้าน

ในยุคนี้ที่มีร้านนำขนมจากหลายแหล่งไปวางขายรวมกันเยอะๆ เพื่อให้สะดวกต่อคนซื้อ ก็เป็นวิธีการขายที่สะดวก เพราะไม่เสียค่าทำเลร้าน มีคนขายให้เลย แต่อาจจะแลกมาด้วยการหักแบ่ง % ของร้าน ที่ทำให้เราต้องคำนึงถึงราคาขายขนมต่อ

ขายแบบพรีออเดอร์

หากอยากทำขนมขายแบบคนยุคใหม่ นี่คือวิธีการขายที่สุดสำหรับแม่ค้า พ่อค้ายุคนี้ ที่อาจจะต้องการความมั่นใจในการขายก่อน จึงเป็นการสำรวจตลาดของขนมเราที่ง่ายที่สุด 

ข้อดีคือจะได้ไม่ต้องทำครั้งละเยอะๆ แต่จะทำตามออเดอร์แต่ละครั้งตามจำนวนคนสั่งแทน (เพราะอย่าลืมว่าขนมหลายประเภท เป็นขนมที่มีอายุสั้น เสียได้ง่าย) ซึ่งวิธีนี้อาจจะต้องทำความเข้าใจกับลูกค้าก่อนให้ดี ว่าเราจะเปิดรับพรีออเดอร์วันนี้ และจะจัดส่งได้ภายในวันไหน 

7. แพ็คเกจก็สำคัญ

สิ่งที่จะช่วยเสริมให้ขนมของเราดูน่าทานขึ้น คือแพ็คเกจที่ใส่ เพราะเป็นสิ่งแรกๆ ที่หลังจากลูกค้าได้รับขนมแล้วเห็น ซึ่งสามารถทำให้เกิดความประทับใจได้หากมีการแพ็คที่ดี และถึงมือคนทานอย่างไม่หก ไม่เละ ไม่แตกหัก

8. กำหนดราคาขาย

อยากทำขนมขายทั้งทีจะให้ดีอย่าให้ขาดทุน! เพราะทุกอย่างมีราคาค่าตัว ดังนั้นแล้วก่อนเริ่มขายจริง ให้เริ่มคิดจากราคาของวัตถุดิบ ราคาอุปกรณ์ ราคาค่าแรงของตัวเราเอง หรือหากมีคนช่วยก็ควรจะต้องคิดราคาค่าแรงของคนนั้นๆ ด้วย และตามด้วยราคาของสถานที่ที่เราเลือกวางขาย 

ถ้าเป็นขายออนไลน์ก็อาจจะไม่ได้บวกพิเศษเพิ่มเติมตรงนี้ แต่บวกราคาค่าจัดส่งแทน หรือหากมีราคาอย่างอื่นที่เราต้องเสียแรง เสียเวลาไปในการทำก็สามารถนำมาคิดตรงนี้ได้ จึงต้องคิดให้รอบคอบและราคาควรเหมาะสมกับขนมมากที่สุด ระวังว่าราคาจะต่ำเกินจริง หรือไม่ควรตั้งราคาสูงเกินจริงมากเกินไป 

9. การขนส่ง

อย่างที่เรารู้กันดีว่าขนมหลายประเภท เป็นขนมที่มีอายุน้อย หมดอายุเร็ว การจัดส่งหลังเราทำขนมเสร็จให้รวดเร็วที่สุด เพื่อให้ถึงมือลูกค้าโดยที่ขนมยังคงสดใหม่ไม่หมดอายุคือข้อสำคัญมากๆ สำหรับคนอยากทำขนมขาย 

ดังนั้นต้องเลือกให้ดีว่าจะเป็นการจัดส่งประเภทไหน ต้องคิดแม้แต่ว่าหากติดวันหยุดยาวจะขนส่งยังไง?  แต่ในตอนนี้ ก็มีบริการขนส่งของหลายบริษัทที่ทำให้ส่งได้แบบรวดเร็วภายในวันเดียวถึงมือคนทาน หรือเป็นหากเป็นการนัดรับขนมตามสถานที่ต่างๆ ก็ช่วยล่นระยะเวลาให้ขนมถึงมือได้เร็วขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้รับขนมที่สดใหม่เหมือนเพิ่งออกจากเตา

10. อย่าลืม Promote ขนมที่ขาย

นอกจากความอร่อยแล้ว ควรจะต้องโปรโมทตัวเองเพื่อให้ลูกค้าได้รู้จักเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะช่องทางออนไลน์ ผ่าน Facebook, Instagram หรือตามพื้นที่ที่เราวางจำหน่าย 

11. ยอมรับคำติชมของคนทาน

รสชาติ 10 คนทานก็อาจจะถูกใจไม่เหมือนกัน เพราะความชอบที่แตกต่าง บางคนอาจจะชอบหวานน้อย หวานมากต่างกันไป ดังนั้นแล้วต้องยอมรับให้ได้ และให้ความสำคัญกับคำแนะนำ และวิจารณ์ของคนทาน 

แต่แนะนำว่าหากมีคนชิมของเราและบอกว่าไม่อร่อย อย่าเพิ่งเสียกำลังใจแต่ให้นำมาปรับปรุง เพราะอาจจะทำให้เรากลายเป็นขนมที่อร่อย และรสชาติรู้ใจคนทานมากขึ้นไปอีก

สรุปท้ายบทความ

นี่คือ 11 ข้อสำคัญที่จะทำให้ความอยากทำขนมขายของเรากลายเป็นความจริงได้ ต้องยอมรับว่าการจะทำขนมให้กลายเป็นอาชีพได้มีรายละเอียดเยอะมาก 

สิ่งสำคัญคือความตั้งใจจริง เพราะด้วยคู่แข่งที่เยอะ ดังนั้นขนมของเราต้องอร่อย และโดดเด่นกว่าคนอื่นให้ได้ เพื่อให้ลูกค้าที่เคยทานพูดกันปากต่อปาก หรือกลับมาซื้อซ้ำและกลายเป็นลูกค้าประจำได้ในที่สุด เชื่อว่าหากทุกคนต้องใส่ใจ ตั้งใจจริง และจริงใจต่อคนทาน รับรองว่าคุณจะสามารถเปลี่ยนความฝันที่อยากทำขนมขาย ให้กลายเป็นธุรกิจที่ประสบความเร็จตามที่ตั้งใจแน่นอน

ebook-banner-1