วุ้นไข่ มีขั้นตอนการทำยังไงบ้าง? [อ่านเสร็จ พร้อมทำได้เลย]

ขนมวุ้นแบบไทยๆ ไม่ได้มีแค่วุ้นกะทิเท่านั้น แต่ยังมี “วุ้นไข่” อีกหนึ่งความอร่อยที่มีส่วนผสมทั้งของคาวและของหวานเข้าด้วยกัน โดยตัววุ้นจะมีลักษณะใส มองเห็นเส้นสายของไข่สวยงามถึงด้านใน และรสชาติหวานกรอบอร่อยอีกด้วย

บทความนี้จะมาแบ่งปันสูตรการทำ “วุ้นไข่” ขนมหวานรสชาติอร่อยที่มีส่วนผสมน้อยมาก และขั้นตอนการทำก็ง่ายสุดๆ ถ้าพร้อมแล้วมาลงมือทำไปพร้อมกันเลยค่ะ

สูตรการทำวุ้นไข่ ฉบับผงวุ้นตรานางเงือก

ส่วนผสมที่ต้องเตรียมสำหรับการทำวุ้นไข่

สูตรนี้สำหรับเสิร์ฟวุ้นไข่จำนวน 6 ชิ้น

1. ไข่ไก่ 2 ฟอง
2. ผงวุ้นตรานางเงือก 1 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วยตวง (ความหวานปรับลดได้ตามใจชอบ)
4. น้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร 
5. กลิ่นมะลิ หรือกลิ่นวานิลลา หรือใบเตย ตามใจชอบ
6. ถาดใส่วุ้นขนาด 6x6x2 นิ้ว หรือใช้แม่พิมพ์ได้ตามใจชอบ

ขั้นตอนการทำวุ้นไข่

1. แช่ผงวุ้น 1 ช้อนโต๊ะลงในน้ำเปล่าขนาด 500 มิลลิลิตร คนผงวุ้นให้ละลายไปกับน้ำ และพักทิ้งไว้เพื่อให้วุ้นละลาย และอิ่มน้ำประมาณ 10 นาที
   
2. ระหว่างรอผงวุ้นให้นำไข่ไก่ 2 ฟองมาตอก และตีให้ไข่แตกไปเรื่อยๆ ให้แตกจนไข่ขาว และไข่แดงผสมกันดี
   
3. นำผงวุ้นที่แช่ไว้มาขึ้นตั้งไฟด้วยไฟกลาง พร้อมคนไปเรื่อยๆ จนผงวุ้นเริ่มละลายไม่เป็นเม็ด และควรเช็ดด้วยการดูตามทัพพีว่ายังมีผงวุ้นติดขึ้นมาหรือไม่ ถ้าไม่มีแสดงว่าผงวุ้นใช้ได้แล้ว ซึ่งถ้าเราปล่อยให้ผงวุ้นละลายไม่ดีอาจจะทำให้วุ้นนิ่มไม่เซ็ตตัว และตัววุ้นจะเกิดการคายน้ำได้
   
4. เติมน้ำตาลทรายจำนวน 3/4 ถ้วยตวงตามลงไป พร้อมคนให้น้ำตาลละลาย

5. พอน้ำเริ่มเดือด ค่อยๆ เทไข่ลงไป ด้วยการยกไข่ให้สูงเพื่อให้เวลาเทมีลักษณะเป็นสาย เป็นเส้นเล็กๆ และคนไข่กะน้ำต่อประมาณ 2-3 นาทีเพื่อให้ไข่สุก และไม่จับตัวเป็นก้อน เมื่อไข่สุกก็เป็นอันใช้ได้
   
6. เพิ่มความหอมของวุ้นไข่ และกลบกลิ่นที่อาจจะคาวของไข่ แนะนำให้ใส่กลิ่นมะลิ 3-4 หยด หรือใครชอบกลิ่นอื่น เช่น กลิ่นวานิลลา หรือกล่นใบเตยก็สามารถใช้ได้เลย จากนั้นจึงปิดไฟ โดยหลังจากปิดไฟแล้วถ้าหากวุ้นมีฟองมากให้คนในหม้อต่อ เพราะการคนไปเรื่อยๆ จะทำให้ฟองจะค่อยๆ ลดลงได้
   
7. นำเทใส่ถาด หรือแม่พิมพ์ พักทิ้งไว้ให้วุ้นเซ็ตตัว 1-2 ชั่วโมง ด้วยอุณหภูมิห้อง
   
8. เสร็จแล้วนำมาตัดแบ่ง พร้อมเสิร์ฟได้เลย และเพื่อเพิ่มความอร่อยชื่นใจ ขอแนะนำให้ใส่ตู้เย็นก่อนทานค่ะ

เพิ่มความอร่อยด้วย “วุ้นไข่หน้ากะทิ”

อีกหนึ่งการเพิ่มรสชาติให้วุ้นไข่ให้อร่อยยิ่งขึ้น ด้วยการทำ “วุ้นกะทิ” มาปิดด้านบน เพราะรสชาติของความหวานมัน เค็ม ของกะทิจะไปตัดกับความหวานสดชื่นของวุ้นไข่ จึงช่วยเพิ่มรสชาติ และรสสัมผัสที่ฟินยิ่งขึ้น 

สำหรับใครชอบทานวุ้นกะทิจะต้องถูกใจกับสูตรนี้แน่นอน โดยขั้นตอนจะทำหลังจากทำวุ้นไข่เสร็จแล้ว ก็จะทำวุ้นกะทิต่อ ในระหว่างที่รอให้วุ้นไข่เซ็ตตัวอยู่

ส่วนผสมทำวุ้นกะทิ

1. ผงวุ้นตรานางเงือก 1 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำ 300 มิลลิลิตร
3. กะทิ 500 มิลลิลิตร
4. น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง (ความหวานปรับลดได้ตามใจชอบ)
5. เกลือ 1 ช้อนชา

ขั้นตอนการทำวุ้นไข่หน้ากะทิ

1. หลังจากรอวุ้นไข่ให้เซ็ตตัวให้เริ่มมาทำวุ้นกะทิได้เลย
   
2. แช่ผงวุ้น 1 ช้อนโต๊ะ ลงในน้ำเปล่าขนาด 300 มิลลิลิตร คนผงวุ้นให้ละลายไปกับน้ำ และพักทิ้งไว้เพื่อให้วุ้นละลาย และอิ่มน้ำประมาณ 10 นาที
   
3. นำผงวุ้นที่แช่ไว้มาขึ้นตั้งไฟด้วยไฟกลาง พร้อมคนไปเรื่อยๆ จนผงวุ้นเริ่มละลายไม่เป็นเม็ด อย่าลืมเช็คด้วยวิธีการดูตามทัพพีของเราว่าไม่มีผงวุ้นขึ้นมาติดด้วยนะ
   
4. หลังจากนั้นให้เติมเกลือ 1 ช้อนชา น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วยตวง หรือสามารถปรับลดได้ตามใจชอบตามลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติและความกลมกล่อมยิ่งขึ้น คนไปเรื่อยๆ จนน้ำตาลและเกลือละลายดี
   
5. เมื่อน้ำวุ้นเริ่มใส และเริ่มเดือดให้ใส่น้ำกะทิลงไปและคนเรื่อยๆ ให้เข้ากัน ไม่ต้องรอให้กะทิแตกมัน เมื่อเริ่มเดือดแสดงว่าใช้ได้แล้ว และปิดไฟได้เลย
   
6. พักไว้รอให้แค่วุ้นกะทิอุ่นๆ แล้วจึงนำไปหยอดใส่หน้าวุ้นไข่ที่เริ่มเซ็ตตัว
   
7. พักทิ้งไว้ให้วุ้นไข่หน้ากะทิเซ็ตตัวที่อุณหภูมิห้อง หรือใครอยากร่นระยะเวลาสามารถใส่ตู้เย็นได้เลย
   
8. นำมาตัดแบ่งเสิร์ฟได้เลย แนะนำให้แช่ตู้เย็นก่อนจัดเสิร์ฟรับรองความฟินอร่อยคูณสอง

เท่านี้เราก็จะได้ “วุ้นไข่” เมนูวุ้นแบบไทยๆ ทั้ง 2 รูปแบบ ที่น่าตาน่ารับประทาน พร้อมความอร่อยหวานทานแล้วฟินๆ แถมยังมีส่วนผสม และขั้นตอนการทำที่ง่ายมาก ไม่ยุ่งยากซับซ้อน จะทำเป็นขนมหวานล้างปาก หรือของว่างก็ยังได้เพราะทำได้บ่อยๆ แน่นอน

เคล็ดลับการทำวุ้นไข่ไม่ให้คาว

1. ต้องใช้ไข่ใหม่

ไข่ไก่ที่นำมาใช้ในการทำวุ้นไข่ หรือขนมอื่นๆ เองก็ตามควรจะต้องเป็นไข่ที่สดใหม่ เมื่อตอกไข่ออกมาใช้แล้วจะต้องมีไข่ขาวแบบเป็นวุ้น และไข่แดงเนื้อกลมไม่เหลว เพราะการที่นำไข่ที่มีอายุนานแล้วอาจจะทำให้มีรสชาติและกลิ่นคาว รวมไปถึงอาจจะทำให้ได้วุ้นไข่ที่มีเส้นออกมาไม่สวยงามเท่ากับไข่ใบใหม่

2. ใส่กลิ่นหอม

แนะนำให้ใส่กลิ่นหอมต่างๆ มาเพื่อเป็นตัวช่วยในการกลบกลิ่นคาว ส่วนใหญ่จะเลือกใช้เป็นกลิ่นมะลิ เพราะมีความหอมหวานดูเข้ากับวุ้นไข่ แต่หากชอบกลิ่นอื่น เช่น กลิ่นวานิลลา กลิ่นใบเตยก็สามารถเลือกปรับใช้ได้ตามใจชอบเช่นกัน

เคล็ดลับการทำวุ้นไข่ให้อร่อยยิ่งขึ้น

1. เลือกแม่พิมพ์ ภาชนะสวยงาม

ความโดดเด่นอีกอย่างที่ทำให้วุ้นไข่เป็นวุ้นไทยสุดฮิต นั่นก็เพราะเป็นวุ้นที่มีลวดลายสวยงามตามธรรมชาติ เพราะวุ้นไข่จะมีลักษณะใสๆ แต่จะมองเห็นลายเส้นของไข่ (เส้นไข่จะสวยหรือไม่สวยก็อยู่ที่ขั้นตอนการเทใส่ลงหม้อด้วยนะ) ดังนั้นเมื่อเห็นลายเส้นของไข่ในวุ้นแล้ว การเลือกใช้แม่พิมพ์ หรือภาชนะที่สวยงามมาใส่เพื่อโชว์ลวดลายไข่ที่สวยงามให้วุ้นไข่ดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น แบบนี้จะได้รสชาติวุ้นไข่ที่ก็ฟิน และหน้าตาดีตามไปด้วย

2. ทำให้ไข่เป็นเส้น ลายสวย

เพื่อเพิ่มความอร่อยให้วุ้นไข่น่ารับประทานยิ่งขึ้น การทำให้ไข่เป็นเส้นสวยก็สำคัญ วิธีการที่จะทำให้ไข่เป็นเส้นสวยงาม ในขั้นตอนการทำควรมีระยะการหยอดไข่ลงหม้อด้วยการชูมือสูงขึ้น และค่อยๆ เทไข่ทีละน้อย ให้ออกมาเป็นเส้นแบบเล็กๆ โดยหยอดให้กระจายทั่วหม้อเพื่อไม่ให้ไข่จับตัวเป็นก้อน เมื่อเทเสร็จแล้วหลังจากนั้นเราสามารถใช้วิธีการคนเบาๆ เพื่อเพิ่มความกระจายของเนื้อไข่ต่อได้ด้วย เพียงเท่านี้ก็จะได้วุ้นไข่ลวดลายสวยงามน่าทานแล้ว

3. เติมกลิ่นหอมจะช่วยเพิ่มความน่าทานได้

นอกจากรสชาติแล้ว กลิ่นหอมยังจะช่วยสร้างบรรยากาศ เพิ่มความฟิน และความอร่อยให้กับทุกๆ อาหาร โดยวุ้นไข่เองก็ไม่ต่างกัน หากเราใส่กลิ่นหอมให้กับวุ้นไข่จะช่วยเพิ่มความหอมร่อยได้แน่นอน เพราะอย่าลืมว่า ‘ไข่ไก่’ ที่เป็นส่วนผสมหลักของวุ้น เป็นของคาว ถ้าหากไม่ใส่กลิ่นหอมเพื่อช่วยกลบแล้ววุ้นอาจจะเกิดกลิ่นคาว ทำให้คนทานรู้สึกอร่อย แต่ฟินไม่สุด! เพราะกลิ่นคาวมากลบความอร่อยเอาไว้นั่นเองค่ะ

4. ทานแบบแช่เย็น

วุ้นจะมีรสชาติดี และอร่อยขึ้นหากนำไปแช่เย็นก่อนจัดเสิร์ฟ เพราะจะทำให้วุ้นกรอบอร่อย เมื่อทานแล้วจะให้ความรู้สึกที่สดชื่นในทันที ดังนั้นก่อนเสิร์ฟอย่าลืมนำไปแช่เย็นก่อนทุกครั้ง หยิบทานเมื่อไหร่ก็ชื่นใจชัวร์

สรุปท้ายบทความ 

สำหรับการทำ “วุ้นไข่” นั้นไม่ยากอย่างที่คิด ไม่ว่าจะคนทำขนมไทยมือใหม่ หรือมืออาชีพก็ทำตามได้สบายแน่นอน โดยเอกลักษณ์ของวุ้นไข่ที่มีทั้งความสวยงามของวุ้นใส ที่มองเห็นเส้นไข่สวยๆ แต่ส่วนที่สำคัญคือการปรุงรสชาติและการกลบกลิ่นไข่ออกไป ก็จะเพิ่มความอร่อยได้ยิ่งขึ้น