MM-cover-บทความ สูตรบัวลอยชาววัง มีขั้นตอนและวิธีทำอย่างไรบ้าง?

สูตรบัวลอยชาววัง มีขั้นตอนและวิธีทำอย่างไรบ้าง?

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

บัวลอยชาววัง อีกหนึ่งเมนูขนมไทยโบราณที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเทศกาลไหน บัวลอยจะเป็นอีกหนึ่งเมนูที่อยู่ในสำรับอาหารเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญเลี้ยงพระ งานมงคล และงานพิธีการต่าง ๆ  ด้วยความที่บัวลอยนั้นใช้วัตถุดิบในการทำที่ง่าย แต่ต้องใช้พิถีพิถันในเรื่องรสชาติ สีสัน ความสวยงาม กลิ่นหอม และรูปลักษณะ ทำให้บัวลอยเป็นขนมอีกหนึ่งชนิดที่ชวนรับประทาน

ปัจจุบันบัวลอยนั้นมีหลากหลายรูปแบบมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บัวลอยไข่หวานสายรุ้ง บัวลอยนมสดลาวาชาไทย หรือบัวลอยคัสตาร์ดไข่เค็ม ฯลฯ ซึ่งเมนูบัวลอยนั้นมีการดัดแปลงสูตร และวิธีการทำที่แตกต่างกันตามยุคสมัย แต่ที่จะเห็นได้บ่อย และเป็นที่นิยมมากก็จะมีอยู่สองแบบ คือ ‘บัวลอยชาววัง’ และ ‘ขนมบัวลอยสูตรทั่วไป’ ซึ่งบทความนี้จะพาไปดูสูตรบัวลอยชาววัง ว่ามีขั้นตอนและวิธีทำอย่างไรบ้าง? เราลองมาดูส่วนผสมและวิธีทำกันครับ

“บัวลอยชาววัง” ขนมโบราณที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน

ขนมบัวลอยถือว่าเป็นอีกหนึ่งขนมไทยโบราณที่อยู่คู่กับคนไทยมาตั้งแต่สมัยอยุธยา แม้ไม่มีประวัติความเป็นมาที่แน่ชัดว่าเริ่มต้นจากที่ไหน และใครเป็นผู้คิดค้น แต่ทุกภาคของประเทศไทยก็มีเมนูขนมหวานถ้วยนี้เป็นขนมคู่สำรับมาช้านาน 

เพราะไม่เพียงแต่ความหอมหวานของน้ำกะทิ และความนุ่มของแป้งเท่านั้น แต่ด้วยความหมายที่เป็นมงคลของขนมบัวลอย ที่สื่อความหมายดี ๆ ให้คนในครอบครัวกลมเกลียวเหนียวแน่น ส่งผลให้ขนมบัวลอยได้รับความนิยมนำมาทำรับประทานในงานบุญและงานมงคลต่างๆ

“บัวลอยชาววัง” ขนมโบราณที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน

ในอดีตขนมบัวลอยนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่มีการจัดงาน ‘เทศกาลไหว้ขนมบัวลอย’ เพื่อขอบคุณที่ได้ช่วยให้การดำรงชีวิตของสมาชิกทุกคนในครอบครัวสามารถดำรงมาได้อย่างราบรื่นตลอดปีที่ผ่านมา และเพื่อขอพรให้ช่วยคุ้มครองคนในครอบครัวด้วย โดยใช้ขนมบัวลอย นำมาไหว้ฟ้าดิน หรือเจ้าที่เจ้าทางนั่นเอง

สูตรบัวลอยชาววัง พร้อมวิธีทำแบบละเอียด และสามารถทำได้ง่าย

การทำขนมบัวลอยนั้นมีมากมายหลากหลายวิธีในการทำ ซึ่งก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน และบัวลอยแต่ละประเภท แต่สำหรับบัวลอยชาววังจะเน้นไปที่วัตถุดิบจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นตัวแป้งบัวลอยที่มีสีต่างกัน

ซึ่งล้วนเป็นสีจากธรรมชาติ เช่น สีเหลืองจากฟักทอง สีเทาจากเผือก หรือสีม่วงจากมันม่วง เป็นต้น และด้วยความที่ต้องใช้ความพิถีพิถันในการทำ ทำให้บัวลอยชาววังนั้นกลายเป็นอีกหนึ่งเมนูที่หาทานได้ยากนั่นเอง

สูตรบัวลอยชาววัง พร้อมวิธีทำแบบละเอียด และสามารถทำได้ง่าย

ส่วนผสมบัวลอย

  • แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวง
  • แป้งสาคู 1/2 ถ้วย
  • เผือกสุก 1 ถ้วย
  • ฟักทองสุก 1 ถ้วย
  • มันเทศนึ่งสุก 1 ถ้วย
  • น้ำใบเตยหอมเข้มข้น
  • แป้งมัน
  • น้ำเปล่า

ส่วนผสมน้ำกะทิ

  • กะทิ 2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
  • น้ำตาลมะพร้าว 100 กรัม
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
  • ไข่ไก่หรือไข่เป็ด เนื้อมะพร้าวอ่อน งาขาว (มีหรือไม่ก็ได้)

ขั้นตอนและวิธีทำบัวลอยชาววัง

การทำขนมบัวลอยชาววังจะแยกออกเป็นสองขั้นตอน นั่นคือขั้นตอนการทำบัวลอย และขั้นตอนการทำน้ำกะทิ

ซึ่งถ้าหากใครที่ใช้จำนวนคนในการทำมากกว่าหนึ่งคนก็สามารถแยกไปทำคนละขั้นตอนได้ แต่ถ้าหากใครที่ต้องการลดระยะเวลาในการทำ ก็สามารถซื้อน้ำกะทิมาเตรียมไว้ได้ด้วยเช่นกัน

ขั้นตอนการทำบัวลอย

  1. ขั้นตอนแรกให้เรานำเผือก มันม่วง และฟักทองไปนึ่งจนสุก
  2. จากนั้นให้นำแป้งข้าวเหนียว และแป้งสาคูมาร่อนผสมกัน จากนั้นแบ่งแป้งที่ผสมแล้วเป็น 4 ส่วนตามสีที่เราต้องการผสม
  3. เตรียมน้ำใบเตยหอมเข้มข้น ด้วยการหั่นใบเตยหอมเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปปั่นกับน้ำเปล่าเล็กน้อย ปั่นใบเตยหอมให้ละเอียด แล้วนำไปกรองเพื่อให้ได้น้ำใบเตย
  4. นำเผือกที่นึ่งสุกแล้วมาบดให้ละเอียด จากนั้นค่อย ๆ เทแป้งที่เตรียมไว้ใส่ลงไป นวดแป้งกับเนื้อเผือกให้เข้ากัน โดยสัดส่วนให้ใช้ 2:1 ยกตัวอย่างเช่น เนื้อเผือก 1 ถ้วย ให้ใช้แป้งผสม 1/2 ถ้วยโดยประมาณ 
  5. ในขณะนวดเนื้อเผือกกับแป้ง หากรู้สึกว่าแป้งแห้งไป สามารถเติมน้ำได้ทีละน้อย จนกว่าจะนวดได้ที่
  6. นำเนื้อฟักทอง และเนื้อมันเทศ มานวดเช่นเดียวกัน
  7. นำแป้งส่วนสุดท้ายมาผสมกับน้ำใบเตยหอมเข้มข้น โดยค่อย ๆ เทน้ำใบเตยหอมลงไปในถ้วยแป้งที่เหลือ นวดแป้งกับน้ำใบเตยหอมให้เข้ากัน หากรู้สึกว่าแป้งแห้ง ให้เติมน้ำทีละน้อย จนกว่าจะนวดได้ที่เช่นเดียวกัน
  8. ปั้นแป้งที่นวดเสร็จแล้วเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดเท่ากัน โรยแป้งมันบาง ๆ ให้ทั่ว เพื่อไม่ให้แป้งที่ปั้นแล้วติดกัน โดยปั้นแป้งสีเขียวแยกไว้ต่างหาก เนื่องจากแป้งสีเขียวเป็นเนื้อแป้งล้วน ๆ จำเป็นต้องใช้เวลาต้มให้นานกว่าแป้งสีอื่น 
  9. หลังจากปั้นแป้งทั้งหมดเสร็จแล้ว ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด และนำแป้งบัวลอยเผือก ฟักทองและมันเทศลงไปต้ม ในขณะต้มให้คนเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้เม็ดแป้งติดกัน ซึ่งถ้าเม็ดแป้งลอยขึ้นมาแสดงว่าสุกแล้ว
  10. นำกระชอนซ้อนเม็ดแป้งที่ลอยขึ้นมา ตักเม็ดแป้งใส่ในน้ำเย็นเพื่อน็อกไม่ให้เม็ดแป้งสุกจนเกินไป
  11. เมื่อต้มเม็ดแป้งสีต่าง ๆ สุกหมดแล้ว นำเม็ดแป้งสีเขียวลงไปต้ม ทำทุกขั้นตอนที่เหลือเช่นเดียวกัน
ขั้นตอนและวิธีทำบัวลอยชาววัง

ขั้นตอนการทำน้ำกะทิ

  1. นำกะทิใส่หม้อตั้งไฟเพื่อทำให้ร้อน คนกะทิเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ต้องให้กะทิเดือด หากมีเนื้อมะพร้าวให้ใส่เนื้อมะพร้าวลงไป ใส่น้ำตาลหรือน้ำเชื่อม และเกลือลงไปในปริมาณที่เตรียมไว้
  2. เมื่อน้ำกะทิร้อนได้ที่ ให้นำเม็ดบัวลอยที่ลวกแล้วใส่ลงไป
  3. ตั้งหม้อขนมบัวลอยทิ้งไว้สักครู่ ปิดไฟยกลง และตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ 
  4. เป็นอันเสร็จ พร้อมทานได้

เคล็ดลับสำคัญของเมนูบัวลอยชาววัง

  • บัวลอยที่ปั้นออกมานั้น ต้องผึ่งให้แห้งจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเวลาใส่ลงไปต้มแล้ว อาจทำให้เม็ดติดกันได้
  • แป้งที่ทำการนวดไว้เพื่อที่จะนำมาปั้นเป็นเม็ดบัวลอย ในขณะที่เราทำการปั้นส่วนที่ยังไม่ได้ปั้นนั้นให้ใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดๆ แล้วนำมาคลุมปิดไว้เพื่อที่จะไม่ให้แป้งแห้งได้
  • สำหรับใครที่ต้องการทำไข่หวาน แต่ไม่มีไข่ไก่ และต้องการใช้ไข่เป็ด ก็สามารถทำได้ แต่ต้องแยกออกมาต้มต่างหาก เพราะหากใส่ลงไปต้มในหม้อบัวลอย อาจทำให้บัวลอยมีกลิ่นคาวของไข่เป็ดได้ โดยวิธีคือให้ตั้งหม้อต้มน้ำเชื่อม โดยใช้น้ำ 1 ส่วน ต่อน้ำตาล 2 ส่วน ตามด้วย ขิงแก่จัด (เอาไว้ดับกลิ่นคาว) ลงไปต้ม พอน้ำเดือด ก็ตอกไข่เป็ดใส่ลงไป ใช้เวลาประมาณ 5-6 นาที กว่าจะสุก (ใช้เวลานานกว่าไข่ไก่) แล้วจึงตักขึ้นมาใส่ถ้วยบัวลอยได้
  • การทำขนมบัวลอยอาจใช้เวลานานสักนิดในขั้นตอนการปั้นแป้ง ซึ่งถ้าหากใครมีเวลาไม่มากจะลดสีสันของแป้งบัวลอย ให้เหลือเพียง 1-2 สีก็จะช่วยประหยัดเวลาในขั้นตอนการทำแป้งบัวลอยลงไปได้มากทีเดียว

เพิ่มสีสันให้สำรับอาหารของคุณด้วยขนม ‘บัวลอยชาววัง’

เพิ่มสีสัน และความอร่อยให้มื้ออาหารของคุณด้วย “บัวลอยชาววัง” อีกหนึ่งขนมที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน ที่ไม่ว่าจะงานเทศกาล งานเลี้ยงสันสรรค์ หรืองานพิธีการ ก็สามารถนำมาทานได้ และด้วยขั้นตอนและวิธีทำที่ง่าย ก็สามารถทำทานเองที่บ้านได้เช่นกัน เพราะนอกจากความอร่อยแล้ว บัวลอยชาววังยังมาพร้อมประโยชน์และคุณค่าทางอาหารมากมายจากวัตถุดิบธรรมชาติ ที่ไม่ว่าจะช่วงวัยไหน ๆ ก็สามารถรับประทานได้

และสำหรับใครที่ต้องการเพิ่มลูกเล่นให้สูตรบัวลอยชาววังของคุณ ก็สามารถใช้ “ผงวุ้นตรานางเงือก” เป็นวัตถุดิบคู่ใจในการปรุงแต่งบัวลอยชาววังของคุณได้เช่นกัน เพราะผงวุ้นตรานางเงือกไม่เพียงแต่จะเพิ่มสีสันให้น่าทานมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสนุกในการทานบัวลอยชาววังได้อีกด้วย เพียงเท่านี้ขนมบัวลอยชาววังของคุณก็จะอร่อย น่าทาน และไม่เหมือนใคร