MM-cover-บทความ สูตรเบเกอรี่ง่ายๆ

สูตรเบเกอรี่ง่ายๆ ทำตามนี้ได้ผลแน่นอน

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

เบเกอรี่ หรือขนมอบสไตล์ตะวันตกที่หลายคนชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นขนมเค้ก คุกกี้ ทาร์ต รวมไปถึงเมนูขนมอบอีกมากมาย ซึ่งเบเกอรี่ก็มีทั้งเมนูที่ทำยากต้องใช้การฝึกฝนจนชำนาญกว่าจะอร่อย แต่ก็มีบางเมนูที่ทำได้ง่าย เพียงครั้งแรกก็ทำได้แล้ว

บทความนี้จึงรวม 5 สูตรเบเกอรี่ที่คุณสามารถทำเองง่ายๆ ได้ที่บ้าน รสชาติอร่อยถูกปาก ใครทานก็ต้องติดใจ โดยจะเลือกทานเป็นของหวานล้างปาก หรือของว่างระหว่างวันก็ฟินแน่นอน… มาเตรียมจดสูตรและหาวัตถุดิบให้พร้อม จากนั้นก็ลงมือทำตามได้เลย

5 สูตรเบเกอรี่ ทำตามได้ง่ายๆ

1. ทาร์ตผลไม้สด

ทาร์ตผลไม้สด

ทาร์ตผลไม้สด เป็นหนึ่งในสูตรเบเกอรี่ง่ายๆ ที่หลายคนอาจจะคิดว่าทำยาก ดูมีหลายขั้นตอน แต่บอกเลยว่าทำได้ง่ายกว่าที่คิด ใครที่ชอบเมนูขนมหวานที่มีผลไม้สดเพิ่มความสดชื่น รับรองต้องถูกใจกับทาร์ตผลไม้สดแน่นอนที่สำคัญ โดยถ้าคุณชอบผลไม้ชนิดไหนเป็นพิเศษ ก็สามารถนำมาปรับใส่เองได้ตามความชอบอีกด้วย

ส่วนผสมแป้งทาร์ต

  1. แป้งอเนกประสงค์ 450 กรัม 
  2. น้ำตาลไอซิ่ง 150 กรัม 
  3. เนยจืด 150 กรัม
  4. เกลือ 5 กรัม 
  5. ไข่ไก่ 2 ฟอง 
  6. กลิ่นวานิลา

ขั้นตอนการทำแป้งทาร์ต

  1. ก่อนเริ่มทำแนะนำให้วอร์มเตาอบเตรียมเอาไว้ก่อน โดยเปิดไฟบน ล่างที่อุณหภูมิ 180 องศา
  2. ร่อนแป้งอเนกประสงค์ และเกลือให้เข้ากัน
  3. ใส่เนยจืด ไข่ไก่ น้ำตาลทราย และกลิ่นวานิลลา และนวดให้ส่วนผสมทั้งหมดเท่ากัน และปิดชามผสมด้วยฟิล์มถนอมอาหาร แล้วพักส่วนผสมทิ้งไว้ด้วยการนำไปแช่เย็นประมาณ​ 30 นาที
  4. หลังจากครบเวลาแล้วให้หยิบแป้งมาปั้นเป็นลูกกลมๆ และเกลี่ยให้แป้งแบนบาง ประมาณ 1 มิลลิลิตร
  5. นำแป้งไปใส่ในพิมพ์ทาร์ต วางให้แป้งเป็นทรงตามพิมพ์ และใช้ส้อมจิ้มรอบๆ แป้งทาร์ตให้ทั่ว เพื่อให้แป้งไม่พองขึ้นมาเวลาอบ หลังจากนั้นนำแป้งไปอบประมาณ 10 นาที

ส่วนผสมไส้คัสตาร์ต

  1. ไข่แดง 4 ฟอง
  2. นมสด 520 มิลลิลิตร 
  3. น้ำตาลทราย 150 กรัม
  4. เกลือป่น  5 กรัม 
  5. แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ 
  6. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  7. เนยจืด 50 กรัม 

ขั้นตอนการทำไส้

  1. ตีไข่แดงทั้ง 4 ฟอง กับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน
  2. ตามด้วยแป้งข้าวโพด นมสด และกลิ่นวานิลลาเพิ่มความหอม ก่อนจะตีให้เข้ากันอีกที
  3. จากนั้นนำชามผสมไปตั้งไว้บนหม้อที่มีน้ำเดือด (คล้ายกับการตุ๋น) หลังจากนั้นตีส่วนผสมไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าส่วนผสมของเราเริ่มหนืด ให้ใส่เนยจืดลงไปเพิ่ม คนให้เข้ากันพอดี และยกลงจากเตา

ขั้นตอนตกแต่งทาร์ตผลไม้สด

บีบคัสตาร์ดลงไปในแป้งทาร์ตที่อบแล้ว หลังจากนั้นตกแต่งด้วยผลไม้สดตามใจชอบ เช่น สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ หรือองุ่นต่างๆ เสร็จแล้วพร้อมจัดเสิร์ฟได้เลย

2. บัตเตอร์เค้ก

บัตเตอร์เค้ก

ขนมยอดฮิตที่ถือว่าเป็นสูตรเบเกอรี่ง่ายๆ ที่มีรสชาติอร่อยแบบลงตัว ทั้งความหวานตัดกับความเค็มและหอมมันของเนย เป็นเมนูยามเช้ากับกาแฟ หรือจะทานเป็นของว่างระหว่างวันคู่กับชาก็อร่อยสุดๆ ที่สำคัญทำครั้งเดียวสามารถตัดแบ่งทานได้หลายวัน หรือจะนำไปเป็นของฝากใครก็ชื่นชอบ

ส่วนผสมบัตเตอร์เค้ก

  1. แป้งเค้ก 130 กรัม
  2. ผงฟู 1 ช้อนชา
  3. เกลือป่น 5 กรัม
  4. เนยสด 100 กรัม
  5. น้ำตาลทราย 100 กรัม
  6. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  7. นมสด 50 กรัม
  8. กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา

ขั้นตอนการทำบัตเตอร์เค้ก

  1. วอร์มเตาอบเตรียมเอาไว้ที่ไฟบนล่าง 180 องศา และนำพิมพ์เค้กที่จะใช้อบบัตเตอร์เค้กมาโรยแป้งบางๆ ให้ทั่วพิมพ์ และนำไปใส่ในเตาอบด้วย
  2. ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู และเกลือเข้าด้วยกัน
  3. นำเนยสดมาหั่นเป็นขนาดเล็กๆ ลงในชามผสม และตีเนยด้วยความเร็วต่ำจนรู้สึกว่าเนยเนื้อเนียนขึ้น
  4. ค่อยๆ ทยอยใส่น้ำตาลลงไปตีรวมกับเนยทีละนิด และใช้ความเร็วในการตีมากขึ้น จนเนยและน้ำตาลกลายเป็นเนื้อครีมฟู
  5. ทยอยใส่ไข่ไก่ทีละฟองลงไปผสมกับเนย และตีให้เข้ากัน จนได้เนื้อครีมเนียน พร้อมกับใส่กลิ่นวานิลลาลงไป
  6. หลังจากนั้นค่อยๆ ทยอยใส่แป้งลงไปผสม ตีด้วยความเร็วต่ำๆ แค่ให้พอเนยกับแป้งเข้ากัน
  7. ตามด้วยค่อยๆ ใส่นมสดลงไปผสม และตีให้เข้ากับด้วยความเร็วต่ำ แนะนำว่าจะต้องตีด้วยความเร็วต่ำ จะช่วยให้เนื้อบัตเตอร์เค้กที่ได้เนื้อไม่แน่นเกินไป
  8. นำส่วนผสมที่ได้ไปเทใส่พิมพ์ แล้วเกลี่ยให้หน้าเค้กเนียนเสมอกัน
  9. อบด้วยความร้อน 160 องศา ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือเช็คเรื่อยๆ จนกว่าเค้กจะสุก วิธีการเช็คคือให้ใช้ไม้จิ้มฟัมจิ้มลงไปตรงกลางเค้ก ถ้าไม่มีเนื้อแป้งติดมาตามไม้จิ้มฟัน แสดงว่าเค้กสุกดีแล้ว
  10. นำเค้กออกจากเตาอบ พักทิ้งไว้ในพิมพ์ให้เย็นประมาณ 10 นาที แล้วจึงนำออกจากพิมพ์ และห่อด้วยกระดาษฟลอยด์ ก่อนจะนำเข้าตู้เย็นแช่ทิ้งไว้ 5-6 ชม. แต่หากใครรอได้แนะนำให้ทิ้งไว้ 1 คืนเพื่อให้บัตเตอร์เค้กชุ่มไปด้วยเนยมากขึ้น และเซ็ตตัวดี
  11. นำออกมาจากตู้เย็นและพักทิ้งไว้ให้หายเย็น ก่อนจะตัด พร้อมเสิร์ฟ

3. ช็อคบอล

ช็อคบอล

ใครที่ทำบัตเตอร์เค้กเอาไว้เยอะ และอยากปรับแต่งทานเป็นแบบอื่น แนะนำว่าให้ทำเป็นช็อคบอล ด้วยการใช้เนื้อบัตเตอร์เค้กในการทำได้เลย เพราะช็อคบอลเป็นสูตรเบเกอรี่ง่ายๆ ที่หยิบทานเมื่อไหร่ก็อร่อย โดยเฉพาะเด็กๆ ต้องอร่อยถูกปากแน่นอน

ส่วนผสมช็อคบอล

  1. บัตเตอร์เค้ก 500 กรัม
  2. ผงโกโก้ 100 กรัม
  3. ดาร์กช็อกโกแลต 500 กรัม
  4. นมข้นหวาน 50 กรัม
  5. เกล็ดน้ำตาลตกแต่ง

ขั้นตอนการทำช็อคบอล

  1. นำดาร์กช็อกโกแลตไปละลายก่อน
  2. ใส่บัตเตอร์เค้กลงไปในชามผสม ก่อนจะใส่ผงโกโก้ ดาร์กช็อคโกแลต และนมข้นหวาน คนผสมให้เข้ากัน
  3. ปั้นช็อคบอลเป็นลูกกลมๆ ขนาดตามใจชอบ และนำลงไปจุ่มดาร์กช็อกโกแลตที่ละลายไว้ แนะนำให้ก่อนจุ่มเสียบด้วยไม้ปลายแหลมเพื่อความสะดวก และจะทำให้ช็อคโกแลตชุ่มไปทั้งก้อน
  4. โรยเกล็ดน้ำตาล หรือผงโกโก้ หรือจะตกแต่งตามใจชอบ และนำไปแช่เย็นไว้เพื่อให้ช็อคบอลเซ็ตตัว
  5. นำออกจากตู้เย็น พร้อมเสิร์ฟ เป็นสูตรเบเกอรี่ง่ายๆ ที่ต่อยอดจากการทำบัตเตอร์เค้กได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

4. ทอฟฟี่เค้ก

ทอฟฟี่เค้ก

สาวกกาแฟต้องถูกใจเมนูนี้ เพราะทอฟฟี่เค้กเป็นสูตรเบเกอรี่ง่ายๆ ที่ทำตามแล้วอร่อยแน่นอน สำหรับใครที่ชอบกลิ่นหอม และรสชาติของกาแฟ บวกกับความหวานละมุนเหนียวหนึบบนหน้าเค้ก ตัดกับรสชาติอร่อยของมะม่วงหิมพานต์ โดยเลือกจะเสิร์ฟแบบอุ่นๆ หรือทานแบบเย็น ก็อร่อยลงตัว

ส่วนผสมฐานเค้ก

  1. แป้งเค้ก 125 กรัม
  2. ผงกาแฟ  30  กรัม
  3. ผงโกโก้ 30  กรัม
  4. น้ำตาลทราย 170 กรัม
  5. ผงฟู  2 ช้อนชา
  6. เนยจืด 150 กรัม
  7. ไข่ไก่ 4 ฟอง
  8. เกลือ 1/8 ช้อนชา

ขั้นตอนการทำฐานเค้ก

  1. วอร์มเตาอบไฟบนล่างที่อุณหภูมิ 200 องศา
  2. เตรียมพิมพ์ก่อนอบ ทาเนย และโรยแป้งเค้กเอาไว้บางๆ ให้ทั่วพิมพ์
  3. ร่อนแป้งเค้ก ผงกาแฟ ผงโกโก้ ผงฟู และเกลือให้เข้าด้วยกัน
  4. แยกไปตีไข่ และน้ำตาลทรายให้เข้ากันจนได้เนื้อสีเหลืองอ่อนขึ้นฟู
  5. ใส่พวกของแห้งที่เราร่อนแล้วลงไปในชามผสมไข่ ตามด้วยเนยจืด และคนให้เข้ากัน
  6. เทใส่พิมพ์ และเข้าอบด้วยไฟอุณหภูมิ 180 องศา 20 นาที

ส่วนผสมหน้าเค้ก

  1. วิปปิ้งครีม 80 มิลลิลิตร
  2. แป้งเค้ก 50 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 100 กรัม
  4. เกลือ 5 กรัม
  5. เนยจืด 50 กรัม
  6. เม็ดมะม่วงพิมพานต์

ขั้นตอนการทำหน้าเค้ก

  1. ใส่วิปปิ้งครีมลงในหม้อ ตามด้วยเนยจืด น้ำตาลทราย ผงกาแฟ แป้งเค้ก และเกลือเข้าด้วยกัน
  2. นำหม้อที่เราเตรียมไว้ขึ้นตั้งไฟกลาง และคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน จนรู้สึกว่าเนื้อที่ได้มีความข้นหนืด
  3. ใส่เม็ดมะม่วงตามลงไป คนให้เข้ากัน และยกลงจากเตา

ขั้นตอนการรวมทอฟฟี่เค้กเข้าด้วยกัน

  1. นำฐานเค้กที่อบแล้วออกจากเตาอบ และเทหน้าเค้กตามลงไป พร้อมเกลี่ยให้ทั่วหน้า
  2. นำเค้กเข้าอบอีกครั้ง ประมาณ 10 นาทีที่ไฟ 180 องศา เพื่อให้หน้าเค้กและฐานเค้กติดกัน
  3. เมื่ออบครบเวลาแล้วนำมาพักทิ้งไว้ข้างนอกให้เย็น ก็จะได้ทอฟฟี่เค้กสูตรเบเกอรี่ง่ายๆ สุดฟิน หอมกรุ่นทั้งกาแฟ และความหนึบของหน้าเค้กที่เข้ากันเป็นอย่างดี

5. ช็อคโกแลตลาวา

ช็อคโกแลตลาวา

สูตรเบเกอรี่ง่ายๆ ประจำบ้าน เป็นเมนูของหวานที่ทานได้หลายแบบ โดยจะเลือกทานคู่กับเมนูน้ำหวาน หรือตักเสิร์ฟคู่กับไอศรีมก็ยิ่งเพิ่มความสดชื่นคลายร้อนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อทานตอนกำลังร้อนๆ และมีลาวาไหลออกมา ยิ่งเพิ่มความฟิน

ส่วนผสมช็อคโกแลตลาวา

  1. ดาร์กช็อกโกแลต 70% 120 กรัม
  2. เนยจืด 100 กรัม
  3. ไข่ไก่  2 ฟอง
  4. ไข่แดง 2 ฟอง
  5. น้ำตาลทราย 120 กรัม
  6. แป้งอเนกประสงค์ 120 กรัม

ขั้นตอนการทำช็อคโกแลตลาวา

  1. ทาเนยละลายให้ทั่วถ้วยฟอยล์ และโรยแป้งอเนกประสงค์ให้ทั่วบางๆ เพื่อกันไม่ให้ช็อกโกแลตลาวาติดถ้วย
  2. นำเนยกับดาร์กช็อคโกแลตใส่ในชามผสมที่สามารถทนความร้อนได้ ก่อนจะนำขึ้นวางบนหม้อที่มีน้ำเดือด (คล้ายกับการตุ๋น) และคนให้เนยกับช็อคโกแลตละลายลาย ก่อนจะยกลงจากเตา และพักทิ้งไว้ให้เย็นตัวลง
  3. ใส่ไข่แดงอย่างเดียว และไข่ไก่ลงในชามผสม ก่อนจะตีให้เข้ากันจนได้ไข่ที่สีเหลืองนวล
  4. นำเนยช็อคโกแลต ค่อยๆ ใส่ลงในชามผสมไข่ และคนให้เข้ากัน (เนยช็อคโกแลตควรจะเย็นแล้วไม่งั้นจะทำให้ไข่ไก่สุกได้)
  5. ร่อนแป้งอเนกประสงค์ลงในชามผสมไข่ และคนผสมให้เข้ากัน
  6. เทแป้งที่ผสมแล้วใส่ลงในฟอยล์ที่เตรียมเอาไว้
  7. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 190 องศา ประมาณ 7 นาที ก่อนจะนำออกจากเตาอบ
  8. การจัดเสิร์ฟช็อคโกแลตลาวาจะคว่ำออกจากถ้วยฟอยล์ และตัดตรงกลางให้เนื้อลาวาไหลออกมา หรือจะเสิร์ฟทั้งถ้วยฟอยล์ก็ได้ เท่านี้ก็จะได้ช็อคโกแลตลาวาสูตรเบเกอรี่ง่ายๆ แต่อร่อยทานได้หลายแบบแล้ว

สรุปท้ายบทความ

และทั้งหมดนี้คือ 5 สูตรเบเกอรี่ง่ายๆ ที่สามารถทำให้เป็นเมนูขนมหวานประจำบ้านของคุณได้ โดยจะทำทานเองที่บ้านก็แสนง่าย หรือจะทำขายก็ทำไม่ยาก แถมสร้างรายได้ให้คุณได้เป็นอย่างดี เพราะใครได้ทานก็ต้องติดใจ… รู้แบบนี้แล้วรีบเปิดเตา เตรียมอบขนมกันเลย!

ebook-banner-1