MM-cover-บทความ เมนูขนมยอดฮิต

10 เมนูขนมยอดฮิตประจำปี 2021

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

ความโดดเด่นของเมนูขนมในปี 2021 คือ คุณประโยชน์ที่เต็มไปด้วยความสวยงาม หรือการความอร่อยที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แถมยังแชะรูปสวยลงโซเชียลได้อีกด้วย 

เทรนด์เมนูขนมปีนี้จะเป็นอย่างไร ในบทความนี้ได้รวบรวม 10 เมนูขนมยอดฮิตประจำปี 2021 ให้คุณได้ตามรอยความอร่อยแล้ว พร้อมกับวิธีทำที่คุณสามารถทำตามได้จากที่บ้าน

10 เมนูขนมยอดฮิตในปี 2021 ที่คุณไม่ควรพลาด

สาวกขนมหวานห้ามพลาดเป็นอันขาด กับการอัปเดตเมนูขนมยอดฮิตประจำปี 2021 ที่เห็นแล้วจะต้องหิวขึ้นมาทันที ด้วยความอร่อยที่ผู้คนต่างยอมรับและยกให้เป็น 10 เมนูขนมแห่งปี ที่นักชิมสายหวานไม่ควรพลาด พร้อมวิธีทำที่คุณสามารถทำตามได้เลยที่บ้าน

1. ครัวซองต์

ครัวซองต์

กลับมาฮิตติดกระแสอย่างไม่น่าเชื่อกับ “ขนมครัวซองต์” ขนมอบต้นกำเนิดแห่งกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ที่กลายเป็นดาวเด่นแห่งโลกโซเชียล ไม่ว่าจะฝั่งยูทูปเบอร์ หรืออินสตาแกรมเมอร์ก็ต้องพูดถึงความอร่อยของขนมอบรูปพระจันทร์เสี้ยว แป้งหนา มีความกรอบนอกแต่เนื้อในเหนียวนุ่ม กัดคำแรกก็รู้สึกหอมเนยแต่ไม่ฉ่ำจนเลี่ยน ยิ่งกินกับคู่กาแฟ หรือชาสักแก้วก็ยิ่งฟินขึ้นไปอีกเท่าตัวเลยล่ะ

ที่สำคัญครัวซองต์ยังเป็นอีกหนึ่งเมนูขนมที่ทำกินเองที่บ้านได้ง่ายๆ เพียงแค่มีเตาทำขนมติดบ้านก็สามารถรังสรรค์ความอร่อยแบบหอมกรุ่นจากเตาได้เหมือนเชฟมิชลินมาเองแล้ว แถมวัตถุดิบก็หาง่ายอีกด้วย

ส่วนผสมที่ต้องเตรียมในเมนูครัวซองต์

  • แป้งขนมปัง 28 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 10 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 0.25 ช้อนโต๊ะ
  • ยีสต์แห้งสำเร็จ ½ ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ไก่ 3 ช้อนโต๊ะ
  • นมสด 5 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 7 ช้อนโต๊ะ
  • เนยสดจืดอุณหภูมิห้อง 3 ช้อนโต๊ะ
  • เนยสดจืด (เย็น) 12.5 ช้อนโต๊ะ (ใส่หลังจากนวดแป้งเรียบร้อย)

วิธีการทำ

  • นำส่วนผสมมาเคล้ารวมกันตามลำดับ ค่อยๆ นวดส่วนผสมให้เป็นหนึ่งเดียว แล้วทิ้งไว้ 1 คืน 
  • จากนั้นทำการรีดแป้งให้เป็นแผ่นขนาดใหญ่กว่าเนยสดจืด(เย็น)ที่เตรียมไว้ 
  • นำเนยสดจืดมาวางบนตัวแป้ง 
  • พับตัวแป้งปิดให้มิดชิดแล้วทำการรีดแป้งผสานเนย 2 ครั้ง โดยพักแป้ง 30 นาทีในแต่ละรอบ 
  • จากนั้นทำการขึ้นรูปแล้วการพักแป้งอีกครั้ง 2 ชั่วโมง 
  • ทาไข่บนตัวแป้งก่อนเข้าอบ โดยใช้เวลา 5 – 7 นาทีในการอบด้วยอุณหภูมิที่ 180 องศา  

ขอกระซิบบอกเคล็ดลับสำหรับคนที่อยากลองทำอีกนิด พยายามอย่าให้ยีสต์สัมผัสกับน้ำตาลหรือเกลือโดยตรงเป็นอันขาด เพราะอาจทำให้ยีสต์เสื่อมสภาพและกลิ่นขนมไม่หอม อีกหนึ่งความสำคัญที่ไม่ขวดพลาดคือการนวดแป้งทิ้งไว้ข้ามคืนจะช่วยเพิ่มความอร่อยให้เมนูขนมนี้ได้อย่างดีเลยค่ะ

2. โดนัท

โดนัท

โดนัทยังคงเป็นเมนูขนมยอดฮิตติดกระแสอย่างต่อเนื่อง ด้วยหลากหลายของรสชาติที่มีให้เลือกกินตามความชอบ แถมยังเป็นเมนูกินง่าย อยู่ท้อง กินกับเครื่องดื่มอุ่นๆ ก็เติมเต็มพลังงานระหว่างวันได้อย่างดี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ขนมเมนูนี้ยังคงครองใจนักกินสายหวานให้ได้กินซ้ำอยู่เสมอ

ซึ่งเมนูขนมนี้ก็สามารถทำเองได้ที่บ้านเช่นกัน เพื่อเอาใจคนรักโดนัทได้ลองฝึกฝีมือ เตรียมกระทะของคุณให้พร้อมทอด เพราะเราเอารายละเอียดวัตถุดิบมาให้คุณได้จดลิสต์ทำโดนัทนมสดแสนอร่อยง่ายๆ ที่บ้านแล้ว

ส่วนผสมที่ต้องเตรียมในเมนูโดนัท

  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 22 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งเค้ก 8 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1 หยิบมือ
  • ยีสต์แห้งสำเร็จ ½ ช้อนโต๊ะ
  • ไข่แดง เบอร์ 2 2 ฟอง
  • นมสด 39 ช้อนโต๊ะ
  • เนยจืดละลาย 7 ช้อนโต๊ะ

วิธีการทำ

  • นำส่วนผสมมาคลุกเคล้ารวมกันตามลำดับ (ยกเว้นเนยจืดละลาย) เมื่อผสมจนเกิดเป็นเนื้อแป้งแล้วให้พักทิ้งไว้ 30 นาที 
  • จากนั้นทำการนวดแป้งอีกครั้งพร้อมใส่เนยจืดละลาย นวดจนเนื้อแป้งซึมเข้ากันดีแล้วนำออกมานวดอีกครั้งจนเนื้อเนียน แล้วพักแป้งอีกครั้งประมาณ 30 นาที 
  • ทำการขึ้นรูปทรงโดนัทพักแป้งอีกสักหน่อยแล้วลงทอดด้วยไฟอ่อนได้เลย

อีกหนึ่งทริคความอร่อยของเมนูขนมโดนัทให้เนื้อขนมมีความนุ่ม ละมุนลิ้นไม่อมน้ำมัน คือลองสังเกตที่ผิวของตัวแป้งก่อนลงทอดว่ามีความแห้ง ตึง เนียน และไม่แฉะ ระหว่างทอดควรคุมอุณหภูมิให้มีความคงที่ ใช้เวลา 2 – 3 นาทีในการทอดแต่ละด้าน ทีนี้โดนัทของคุณก็จะอร่อยฟินไม่แพ้ใคร

3. ขนมปังไส้มันม่วง

เมนูขนมที่ไม่พูดถึงไม่ได้ “ขนมปังไส้มันม่วง” เมนูขนมสุดน่ารักจากเกาหลี ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงนี้ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่เหมือนมันเผาจริงๆ พร้อมสอดไส้มันม่วงแบบเน้นๆ เรียกได้ว่า ถูกใจมันหวานเลิ้บเวอร์อย่างแน่นอน

ส่วนผสมที่ต้องเตรียมในเมนูขนมปังไส้มันม่วง

สำหรับตัวแป้งขนมปังไส้มันม่วง

  • แป้งมันสำปะหลัง 10 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งขนมปัง 6 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งข้าวเหนียว 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1 หยิบมือ
  • นมสด (ชนิดจืด) 3 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • น้ำเชื่อมข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  • เนยสดชนิดจืด 4 ช้อนโต๊ะ
  • ผงมันม่วง
  • ผงมันฝรั่ง
  • ผงโกโก้

สำหรับไส้มันม่วง

  • มันม่วงนึ่งสุก 200 กรัม
  • วิปปิ้งครีม 6 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวานิลลา 0.75 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1 หยิบมือ

ขั้นตอนการทำเมนูขนมปังไส้มันม่วง

  • เริ่มเตรียมแป้งสำหรับหุ้มไส้โดยผสมแป้งต่างๆ ตามลำดับพร้อมเกลือป่นคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้น นำส่วนผสมที่เหลือผสมกันในชามอีกใบ จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดมานวดรวมกัน แล้วใส่เนยสดตบท้าย บี้จนเนื้อเข้ากันแล้วพักแป้งประมาณ 30 นาที
  • ต่อมาคือส่วนของไส้มันมม่วง นำส่วนผสมทั้งหมดมาปั่นรวมกันจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน (ความละเอียดของเนื้อครีมขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน สามารถปั่นได้ตามต้องการ) เมื่อตัวแป้งเซ็ตเข้าที่แล้ว ให้ทำการนวดหรือทุบอีกสักหน่อย แล้วทำการแบ่งแป้งเป็นก้อนกลมๆ พักแป้งให้เซ็ตตัวอีกสักนิด 
  • จากนั้นทำการแผ่แป้งให้เป็นแผ่น เพื่อทำการใส่ไส้มันม่วงแล้วจับปลายแป้งของแต่ละด้าน จับจีบรูปทรงตามต้องการ ต่อมาให้นำตัวแป้งที่ทำการใส่ไส้เรียบร้อย มาคลุกเคล้ากับ ผงมันม่วง ผงมันฝรั่ง และผงโก้ เป็นการเพิ่มสีสันให้ขนมปังของเราเหมือนมันม่วงสุดๆ 
  • ในส่วนสุดท้ายของเมนูนี้ คือการพักแป้งขนมไว้อีกประมาณ 40 นาที ก่อนเข้าเตาอบ โดยใช้เวลาอบประมาณ 12 – 15 นาที ที่อุณหภูมิ 170 องศา เท่านี้ก็จะได้ขนมปังไส้มันม่วงสไตล์เกาหลีมากินแล้ว

4. บัวลอย

บัวลอย

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าขนมไทยเมนูนี้กลับมาฮิตติดกระแสได้อีกครั้ง ด้วยความอร่อยกลมกล่อมในแบบที่เราต่างคุ้นเคย ถูกปรับรูปลักษณ์ให้ความมีความน่ากินยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะการปรับวิธีการกินให้ดูมีอะไรมากขึ้น หรือดีไซน์ของเม็ดบัวลอยที่มีความน่ารัก จนต้องถ่ายลงโซเชียลเก๋ๆ อวดสายกินให้รู้สึกว้าวอยากตามรอยความอร่อยไปตามๆ กัน

ส่วนผสมที่ต้องเตรียมในเมนู บัวลอยดอกเดซี่

1. สำหรับตัวแป้งสีขาว

  • แป้งข้าวเหนียว 10 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 10 ช้อนโต๊ะ

2. สำหรับตัวแป้งสีเหลือง

  • แป้งข้าวเหนียว 10 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 10 ช้อนโต๊ะ
  • ฟักทองนึ่ง(บดละเอียด) 8 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ

3. สำหรับทำน้ำกะทิ

  • กะทิ 30 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 20 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 0.25 ช้อนโต๊ะ
  • ใบเตย

วิธีการทำ

  • เริ่มต้นการทำดอกเดซี่ก่อนด้วยการนำฟักทองไปนึ่งจนนิ่ม จากนั้นนำฟักทองที่ถูกนึ่งแล้วมาบดรวมกับแป้งมันและแป้งข้าวเหนียว ผสมน้ำเปล่านวดจนเนื้อแป้งเป็นเนื้อเดียวกัน(สีเหลือง) 
  • ตัวกลีบให้ทำการผสมแป้งข้าวเหนียวกับน้ำเปล่านวดกันจนเป็นแป้งเหนียว จากนั้นทำการปั้นเป็นลูกกลมๆ และประกอบเข้าด้วยกันจนเป็นดอกไม้ 
  • นำไปต้มน้ำเปล่าจนสุก
  • ในส่วนของน้ำกะทิให้นำส่วนผสมมาต้มรวมกันตามลำดับ และปริมาณที่กำหนดไว้ให้ข้างต้น เคี่ยวจนน้ำกะทิเดือดก็สามารถตักใส่ชามกินกับบัวลอยดอกเดซี่ได้เลย

5. โมจิ

โมจิ

“โมจิ” หนึ่งในเมนูขนมยอดฮิต โดยมีต้นตำรับความอร่อยจากประเทศญี่ปุ่น แถมยังมาพร้อมความอร่อยหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ไดฟุกุสอดไส้สตอเบอร์รี่ หรือโมจิสอดไส้ไอศกรีม ซึ่งไม่ว่าจะกินแบบไหนก็กลมกล่อม สดชื่นเหมาะกับอากาศบ้านเราสุดๆ ไปเลย

เอาใจคนชื่นชอบขนมโมจิกันอีกนิดด้วยวิธีการทำขนมโมจิเมล่อน แบบโฮมเมดที่ทำได้เองที่บ้าน วัตถุดิบหาง่าย แถมยังอร่อยจนต้องยกนิ้ว มาดูเลยว่าต้องเตรียมอะไรบ้างสำหรับเมนูขนมนี้

ส่วนผสมที่ต้องเตรียมในเมนูโมจิเมล่อน

  • แป้งข้าวเหนียว 15 ช้อนโต๊ะ
  • ไอศกรีมเมล่อน (ละลายแล้ว) 5 ช้อนโต๊ะ (หรือ 3 แท่ง)

วิธีการทำ

  • เริ่มต้นจากการละลายไอศกรีมเมล่อนให้กลายเป็นน้ำ เพื่อนำมาผสมกับแป้งข้าวเหนียว 
  • นวดแป้งจนน้ำเมล่อนซึมเป็นเนื้อเดียวกันกับตัวแป้ง 
  • จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปอุ่นในไมโครเวฟ 2 นาที ให้แป้งสุกแล้วนำออกมากวนให้เนื้อแป้งส่วนอื่นได้รับความร้อนอย่างทั่วถึง 
  • นำไปอุ่นไมโครเวฟอีกครั้งโดยใช้เวลา 2 นาที ทีนี้คุณก็จะได้แป้งโมจิเนื้อหนึบแล้ว

เพิ่มความอร่อยอีกหน่อยด้วยการนำแป้งโมจิที่ได้มานวดให้เนื้อมีความเหนียวนุ่มขึ้น จากนั้นทำการตัดแบ่งสัดส่วนของแป้ง มารีดให้เป็นแผ่นแล้วตักไอศกรีมรสเมล่อนวางไว้ตรงกลางแล้วทำการห่อแป้งโมจิให้เป็นก้อนพอดีคำ พร้อมเสิร์ฟใส่จานแชะภาพลงโซเชียลได้เลย

6. บราวนี่

บราวนี่

“บราวนี่” ขนมครองใจคนรักช็อกโกแลต ที่เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินดี แม้ว่าจะเป็นเมนูขนมหวาน แต่ก็สามารถผสมผสานวัตถุดิบให้เกิดคุณประโยชน์ได้ เช่น การนำธัญพืชมาเป็นส่วนประกอบของขนม หรือลดแป้งเน้นความเข้มข้นของโกโก้แทน ให้คุณได้ฟินจนตัวลอย แถมยังแอบเสริมสุขภาพที่ดีให้ด้วย

ส่วนผสมที่ต้องเตรียมในการทำบราวนี่

  • เนยสด (เค็ม) 15 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1 หยิบมือ
  • น้ำตาลทราย 20 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • กลิ่นวานิลลา 0.25 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 7 ช้อนโต๊ะ
  • ผงโกโก้ 6 ช้อนโต๊ะ
  • ผงกาแฟเอสเพรสโซ 0.25 ช้อนโต๊ะ

วิธีการทำ

  • เริ่มต้นการทำด้วยการนำเนยเค็มไปละลายแล้วพักไว้ก่อน จากนั้นนำส่วนผสมประเภทของแห้งอย่าง แป้ง น้ำตาลทราย เกลือ ผงโกโก้ และผงกาแฟ ร่อนใส่ชามผสม 
  • แล้วปิดท้ายส่วนผสมแบบน้ำ อย่างเนยเค็ม ไข่ไก่ และกลิ่นวานิลลาผสมตามไป คลุกเคล้าจนเป็นเนื้อเดียวกัน 
  • เทใส่ถาดที่ปูกระดาษไขรองไว้ก่อนแล้ว โดยใช้เวลาอบประมาณ 20 – 25 นาที ด้วยอุณหภูมิ 180 องศา และเป็นอันเสร็จสิ้นกับการทำบราวนี่แสนอร่อยที่คุณจะต้องติดใจตั้งแต่คำแรก

7. มาการอง

มาการอง

เมนูขนมสุดน่ารัก ที่มาพร้อมสีสันมากมายให้ได้เลือกลองอย่าง “มาการอง” ขนมยอดฮิตจากฝรั่งเศสที่ครองใจสายขนมหวานอย่างมาก มีรูปร่างคล้ายคุกกี้ 2 ชิ้นประกบกันโดยมีไส้อยู่ตรงกลาง เสน่ห์ของมาการองคือสัมผัสแรกกับตอนอยู่ในปากนั้นจะให้ความรู้สึกต่างกัน เช่น ถ้าคุณกัดคำแรกจะรับรู้ถึงซิกเนเจอร์ที่มีความกรอบเล็กน้อย แต่ถ้าอยู่ในปากเมื่อไรความเหนียวนุ่ม ของเมนูนี้ จะผสานเข้ากับรสชาติของไส้ขนมได้อย่างกลมกล่อม

ปัจจุบันนี้มีร้านขนมมากมายให้ได้เลือกช้อปความอร่อยของมาการอง ไม่ว่าจะสูตรไทย หรือเทศเลือกสรรได้ตามความชอบเลย และสำหรับเมนูนี้เราไม่ได้มานำเสนอถึงกระบวนการทำ เนื่องจากมีความยากและซับซ้อนในการทำที่ค่อนข้างมาก แต่จะเสริมทริคความอร่อยของขนมมาการองให้อร่อยยิ่งขึ้น กับการแทรกไอศกรีมรสโปรดเข้าไป

เพียงแค่หาซื้อมาการองที่ชอบ กับไอศกรีมรสชาติที่ใช่ ทำการแยกตัวคุกกี้ทั้งสองฝั่งออกจากกัน แล้วโปะไอศกรีมรสโปรดลงไป จากนั้นนำตัวคุกกี้ทั้งสองมาประกบเข้าด้วยกันอีกครั้ง เท่านี้เมนูขนมมาการองก็มีสีสันยิ่งขึ้นแล้ว 

8. พุดดิ้ง

พุดดิ้ง

เชื่อว่าเมนูขนมนี้ยังคงติดอยู่ในใจของหลายต่อหลายคนอยู่เสมออย่าง “พุดดิ้ง” เมนูขนมจากประเทศอังกฤษ ด้วยรสชาติที่กล่อมกลมและนุ่มนวล กับความเบาของเนื้อครีม ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น และกระจายเป็นวงกว้างในแถบเอเชีย

ส่วนผสมที่ต้องเตรียมสำหรับการทำพุดดิ้งนมสด

ตัวพุดดิ้ง

  • นมสด 18 ช้อนโต๊ะ 
  • น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ 
  • ผงวุ้นตรานางเงือก 0.25 ช้อนโต๊ะ 

นมสด

  • นมตราหมี 9 ช้อนโต๊ะ 
  • ผลไม้ตามความชอบ

วิธีการทำพุดดิ้งนมสด

  • เริ่มต้นด้วยการนำส่วนผสมของตัวพุดดิ้งมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วต้มบนไฟอ่อนๆ คนไปเรื่อยๆ ตัวพุดดิ้งเริ่มเดือด จากนั้นทำการเทพุดดิ้งนมสดใส่แม่พิมพ์ นำไปแช่ตู้เย็นจนขนมของเราเซตตัว 
  • เมื่อพุดดิ้งเซตตัวแข็งพอดีแล้ว ให้จัดเตรียมใส่จานพร้อมผลไม้ที่ชอบ แล้วราดด้วยนมสดที่เตรียมไว้ เป็นอันเสร็จเรียบร้อยกับเมนูพุดดิ้งนมสด ที่การันตีความอร่อยได้เลยว่าฟินตั้งแต่คำแรกแน่นอน

9. เต้าฮวยฟรุ้ตสลัด

เต้าฮวยฟรุ้ตสลัด

อีกหนึ่งเมนูความสดชื่นที่ขาดไม่ได้กับ “เต้าฮวยฟรุ้ตสลัด” ขนมหวานที่เหมาะกับบ้านเราแบบสุดๆ เหมือนจะไม่ฮิตติดเทรนด์ แต่อยู่ติดใจคนรักขนมได้อย่างยาวนาน ด้วยรสชาติหอมหวานและเนื้อสัมผัสนุ่มละมุนลิ้น เข้ากันได้ดีกับท็อปปิ้งผลไม้ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ทั้งหลายที่ปลื้มปริ่มกับความสดชื่นของเต้าฮวยฟรุ้ตสลัดอย่างมาก 

ส่วนผสมที่ต้องเตรียมในเมนูเต้าฮวยฟรุ้ตสลัด

  • เจลาตินผง 0.5 ช้อนโต๊ะ 
  • น้ำเย็น 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับแช่เจลาติน)
  • ผงวุ้นตรานางเงือก 0.5 ช้อนโต๊ะ 
  • นมสด 40 ช้อนโต๊ะ
  • นมข้นจืด 6 ช้อนโต๊ะ
  • นมข้นหวาน 5 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวานิลลา 0.25 ช้อนโต๊ะ
  • นมสด 13 ช้อนโต๊ะ (สำหรับราดหน้าเต้าฮวย)
  • ผลไม้เชื่อม

วิธีการทำ

  • เริ่มต้นการแช่เจลาตินกับน้ำเย็นแล้วพักไว้ 7 นาทีโดยประมาณ 
  • ทำการต้มนมสด นมจืด และนมข้นหวานเข้าด้วยกันพร้อมใส่ผงวุ้นเคี่ยวจนเดือด แล้วใส่เจลาตินที่แข็งแล้วตามลงไป คนจนละลาย 
  • เมื่อทุกอย่างเข้าที่ให้ยกหม้อลงจากเตาแล้วเติมกลิ่นวานิลลาลงไป คนให้เข้ากันอีกสักหน่อย แล้วตักใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ 
  • แช่เย็นจนเต้าฮวยเซ็ตตัว ปิดท้ายด้วยการใส่ผลไม้เชื่อมที่ชอบ แล้วตามด้วยนมสดแค่นี้ก็พร้อมเสิร์ฟความสดชื่นแล้ว

10. วุ้นกรอบ

มาถึงเมนูขนมสุดฮิตเมนูสุดท้าย “วุ้นกรอบ” ขนมไทยคลายร้อนที่จะทำให้คุณไม่สามารถหยุดคำต่อไปได้ จะกินแบบร้อน หรือแบบเย็นก็สดชื่นไม่แพ้กัน นอกจากนี้เมนูนี้ยังมีหลากหลายสูตรให้ได้เลือกกิน ไม่ว่าจะเป็นวุ้นผลไม้ วุ้นรสนม วุ้นดอกไม้ หรือวุ้นกะทิ ก็เลือกกินได้ตามความชอบ ตอบโจทย์คนรักขนมทุกรุ่น ทุกวัย

ส่วนผสมที่ต้องเตรียมในเมนูวุ้นกรอบ

  • น้ำเปล่า 28 ช้อนโต๊ะ
  • ผงวุ้นตรานางเงือก ½  ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 26 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นมะลิ 0.25 ช้อนโต๊ะ
  • สีผสมอาหาร

วิธีการทำ

  • เริ่มวิธีการทำด้วยผสมกลิ่นมะลิ ผงวุ้นลงในน้ำเปล่าที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากันแล้วแช่ทิ้งไว้ 10-15 นาที
  • นำไปตั้งหม้อด้วยไฟปานกลาง จากนั้นใส่น้ำตาลตามไปคนจนน้ำตาลละลาย 
  • เทน้ำวุ้นที่ต้มแล้วใส่ถาด เติมสีที่ชอบเพิ่มความสวยงามได้เต็มที่ 
  • เมื่อวุ้นเซ็ตตัวแล้วให้นำแม่พิมพ์มาสร้างรูปทรงวุ้นตามชอบ 
  • นำวุ้นที่ได้ไปตากแดดไว้ 2 – 3 วัน วุ้นของเราก็จะกรอบ เคี้ยวเพลิน หวานชื่นใจ สำหรับใครที่ชื่นชอบวุ้นและขนมขบเคี้ยว ขอบอกเลยว่าเมนูนี้พลาดไม่ได้ การันตีความอร่อย ใครได้ลองก็ต้องติดใจ

สร้างความสุขตั้งแต่คำแรก ด้วยเมนูขนมยอดฮิต

สร้างความสุขได้ง่ายๆ ด้วยอาหารแสนอร่อย และอาจกลายเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ได้เมื่อเราได้แบ่งปันความสุขนี้ให้กับคนที่คุณรัก อาจจะด้วยเมนูขนมยอดฮิตติดกระแสที่ผู้คนต่างพูดถึง 

หรืออาจลองหยิบยกเมนูโปรดที่คุณชอบ มาเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความสุขให้คุณและคนที่คุณรัก ไม่ว่าคุณจะลงมือทำเอง หรือตามหาร้านเด็ด หากคุณตั้งใจคัดสรรความอร่อยอย่างเต็มที่ ไม่ว่าผู้รับจะเป็นใคร เราก็เชื่อว่าพวกเขาจะมีทั้งความสุขและความประทับใจตั้งแต่คำแรกที่ได้ลิ้มลองอย่างแน่นอนค่ะ

ebook-banner-1