ใครที่กำลังมองหาไอเดียทำขนมทานเองที่บ้าน ด้วยเมนูง่ายๆ เตรียมวัตถุดิบไม่เยอะ แต่กลับอร่อยได้แบบไม่ต้องพึ่งเตาอบ เราได้นำ 10 ไอเดียเมนูขนม ที่ไม่ต้องใช้เตาอบมาเสิร์ฟที่นี่แล้ว
ด้วย 10 ขนมหลายสัญชาติ ทั้งจากต่างประเทศและขนมไทยที่ทำได้ด้วยส่วนผสมไม่เยอะ ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก และที่สำคัญใช้อุปกรณ์แค่เพียงไม่กี่ชิ้น ก็ทำให้คุณได้ทานเมนูขนมที่ไม่ต้องพึ่งเตาอบที่สุดแสนอร่อย จะทานเป็นเมนูมื้อเช้า มื้อระหว่างวัน ก็ทานได้เพลินๆ ถูกใจทั้งคนทำ และคนทานแน่นอนค่ะ
10 เมนูขนมไม่ใช้เตาอบ ทำตามได้เลย
1. บานอฟฟี่
เมนูขนมไม่ใช้เตาอบยอดฮิตที่มีรสชาติหวานละมุนด้วยคาราเมล หอมกลิ่นกล้วย และกรอบอร่อยไปพร้อมกันในคำเดียว ซึ่งสามารถทำได้ง่ายมาก แม้จะมีหลายเลเยอร์ แต่มือใหม่ที่เพิ่งหัดทำขนมก็สามารถทำได้สบาย
ส่วนผสมบานอฟฟี่
ฐานแครกเกอร์
- แครกเกอร์ 100 กรัม (หรือจะใช้เป็นโอริโอ้ก็ได้ ตามชอบ)
- เนยเค็ม 80 กรัม
คาราเมล
- น้ำตาลทราย 200 กรัม
- วิปปิ้งครีม 180 กรัม
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- เนยเค็ม 80 กรัม
- นมข้นหวาน 1/2 ช้อนชา
กล้วยหอม
- กล้วยหอมสุก 6 ลูก
ชั้นวิปปิ้งครีม
- วิปปิ้งครีม 300 กรัม
- น้ำตาลไอซ์ซิ่ง 1 ช้อนโต๊ะ
- กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
วิธีลงมือทำบานอฟฟี่
- เริ่มต้นด้วยการทำคาราเมลก่อน ด้วยการตั้งไฟอ่อนแล้วจึงใส่น้ำตาลทรายในหม้อต้ม ห้ามใช้ไฟแรง และห้ามคนเพราะจะทำให้น้ำตาลราคาเมลมีรสชาติขม เมื่อน้ำตาลทรายเริ่มละลายหมดจนเริ่มเป็นสีน้ำตาลเข้มแล้ว ให้เปิดไฟอ่อนลง
- ค่อยๆ ใส่วิปปิ้งครีมตามลงไปเพื่อลดอุณหภูมิคาราเมล แล้วคนให้เข้ากันกับน้ำตาล
- ใส่เกลือ ตามด้วยเนย กลิ่นกลิ่นวานิลลา คนเรื่อยๆ จนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี ก่อนจะปิดไฟ และใส่นมข้นหวานตามลงไป ก่อนจะนำไปพักไว้ให้เย็น
- มาเตรียมชั้นฐานของบานอฟฟี่ ด้วยการนำแครกเกอร์ใส่ถุงและบดให้ละเอียด แนะนำถ้าใครมีเครื่องปั่นให้ใช้เครื่องปั่นได้เลย จะช่วยให้ได้ฐานที่ละเอียดมากขึ้น
- นำเนยเค็มไปละลาย และผสมลงไปกับแครกเกอร์ให้เข้ากัน ก่อนจะนำไปกรุลงในถ้วยเสริฟชั้นล่างสุด โดยกดลงแค่พอประมาณ ไม่จำเป็นต้องแน่นมาก และจึงนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้แครกเกอร์เซ็ตตัวประมาณ 30 นาที
- เตรียมวิปปิ้งครีมชั้นบนสุด ใส่วิปปิ้งครีมตามด้วยกลิ่นวานิลลา น้ำตาลไอซิ่ง และตีส่วนผสมทั้งหมดให้เร็วจนวิปปิ้งครีมตั้งยอด
- นำกล้วยหันเป็นแว่นๆ และจัดลงถ้วยที่มีแครกเกอร์แล้ว ก่อนจะตามด้วยคาราเมล และปิดท้ายด้วยวิปปิ้งครีมด้านบน พร้อมโรยด้วยผงโกโก้บนหน้าให้สวยงาม
2. วุ้นกะทิใบเตย
เมนูขนมไม่ใช้เตาอบที่สุดแสนจะทำได้ง่ายอย่างวุ้นกะทิใบเตย ที่มีรสชาติหวานมันกรุบกรอบ มาพร้อมกลิ่นหอมใบเตย ที่จะช่วยเติมความสดชื่นขณะทานได้เป็นอย่างดี
ส่วนผสมวุ้นกะทิใบเตย
ชั้นวุ้นใบเตย
- ใบเตย
- น้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร
- น้ำตาลทราย 100 กรัม
- ผงวุ้นตรานางเงือก 5 กรัม
ชั้นวุ้นกะทิ
- น้ำกะทิ 200 กรัม
- น้ำเปล่า 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 100 กรัม
- ผงวุ้นตรานางเงือก 5 กรัม
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำวุ้นกะทิใบเตย
- นำใบเตยที่หั่นชิ้นแล้วลงไปปั่นกับน้ำเปล่าให้พอละเอียด หลังจากนั้นจึงกรองน้ำใบเตยด้วยผ้าขาวบาง และกรองน้ำให้ได้น้ำใบเตยเข้มข้น
- นำผงวุ้นตรานางเงือก ใส่ลงในน้ำใบเตย และคนจนผงวุ้นละลายดีหมด
- นำน้ำใบเตยที่ผสมวุ้นแล้วขึ้นตั้งไฟกลาง ก่อนจะใส่น้ำตาล และคนไปเรื่อยๆ จนน้ำตาลละลายหมด
- ปิดไฟ เทน้ำใบเตยลงใส่พิมพ์ หากมีฟองให้ช้อนฟองออกให้หมด และนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้วุ้นเซ็ตตัว
- เตรียมวุ้นกะทิ ให้นำน้ำเปล่าและใส่ผงวุ้นลงไป พักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีเพื่อให้วุ้นอิ่มน้ำ ก่อนจะนำขึ้นตั้งไฟ
- ใส่วุ้นกะทิตามลงไป และใส่น้ำตาล และเกลือคนจนละลาย
- นำวุ้นกะทิที่ได้เทลงไปบนวุ้นใบเตยที่เซ็ตตัวแล้ว และนำไปพักในตู้เย็นเพื่อให้วุ้นเซ็ตตัว
- เมื่อวุ้นเซ็ตตัวดีแล้ว ก็ตัดเสิร์ฟได้เลย
3. คัสตาร์ดคาราเมล
คัสตาร์ดคาราเมลเมนูขนมไม่ใช้เตาอบที่ทำแสนง่าย แต่เป็นความอร่อยแบบลงตัวที่สุด ทั้งกลิ่นหอมหวานของคาราเมล และความอร่อยนุ่มละมุนของเนื้อคัสตาร์ด ใช้วัตถุดิบน้อยชิ้น และทำได้ง่ายมากก
ส่วนผสมคัสตาร์ดคาราเมล
คาราเมล
- น้ำตาลทราย 150 กรัม
- น้ำเปล่า 100 กรัม
คัสตาร์ด
- ไข่ไก่ 4 ฟอง
- นมสด 350 กรัม
- น้ำเปล่า 100 กรัม
- น้ำตาลทราย 50 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
วิธีทำคัสตาร์ดคาราเมล
- ขั้นตอนแรกให้ตั้งหม้อด้วยไฟอ่อนๆ เติมน้ำตาลทรายลงไปโดยไม่ต้องคน จนกระทั่งสีของน้ำตาลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลจึงปิดเตา
- ใส่น้ำร้อนจัดประมาณ 1 ช้อนโต๊ะลงไปในหม้อเพื่อปรับอุณหภูมิของคาราเมล พร้อมเขย่าหม้อเล็กน้อยให้น้ำเปล่าลงไปคลุกเคล้ากับตัวน้ำตาล หลังจากนั้นเทใส่พิมพ์ที่เตรียมเอาไว้ทันที เพียงเท่านี้ก็จะได้คาราเมลสุดหอมหวาน
- ใส่ไข่ไก่ 4 ฟอง ตามด้วย้ำตาลทราย 50 กรัม และกลิ่นวานิลลา คนเข้าให้กันจนได้ไข่สีเหลืองอ่อน
- เติมน้ำเปล่า และคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
- ใส่นมสดที่นำไปอุ่นร้อนเบาๆ แล้วใส่เทตามลงไป พร้อมคนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
- นำส่วนผสมทั้งหมดไปกรองเพื่อให้ได้คัสตาร์ดเนื้อเนียน และเทใส่พิมพ์ที่ใส่คาราเมลไว้แล้ว แนะนำให้เทผ่านตัวกรองอีกครั้งเพื่อให้ได้เนื้อเนียนที่สุด ถ้าหากคัสตาร์ดของเรามีฟองให้ตักออกได้เลย
- นำคัสตาร์ดพร้อมคาราเมลไปนึ่งประมาณ 30 นาที ด้วยไฟอ่อน
- เมื่อครบเวลาและคัสตาร์ดสุกดีแล้ว ให้นำไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้คัสตาร์ดเซ็ตตัว ก่อนจะนำมาแซะออกจากพิมพ์พร้อมเสิร์ฟ
4. ทีรามิสุ
อีกหนึ่งเมนูขนมไม่ใช้เตาอบที่ถูกใจคนรักกาแฟแน่นอน เพราะมีรสชาติที่หวานละมุนกลมกล่อมทานง่าย สำหรับสูตรในวันนี้เราจะปรับสูตรเป็นการใช้แครกเกอร์ แทนเลดี้ฟิงเกอร์เพื่อให้ใช้ส่วนผสมที่ไม่ยาก
ส่วนผสมทีรามิสุ
- ผงกาแฟ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 200 กรัม
- ขนมปังกรอบ 250 กรัม
- ไข่แดง 3 ฟอง
- น้ำตาลทราย 70 กรัม
- ครีมชีส 250 กรัม
- วิปปิ้งครีม 250 กรัม
- ผงโกโก้
- กลิ่นรัม
วิธีทำทีรามิสุ
- นำกาแฟ 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำร้อน และพักทิ้งไว้จนเย็น
- นำไข่แดง ใส่น้ำตาลทราย และตีจนขึ้นฟู และมีสีขาวขึ้น
- ใส่ครีมชีส และกลิ่นรัมตามลงไป จากนั้นตะล่อมให้เข้ากัน
- แยกออกมาตีวิปปิ้งครีมให้ตั้งยอด และค่อยๆ ทยอยตักบางส่วนลงไปตะล่อมให้เข้ากัน ก่อนจะใส่ที่เหลือจนหมดให้ผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน
- นำบิสกิตลงไปจุ่มกับน้ำกาแฟ และวางซ้อนกันประมาณ 3 ชั้น และโรยผงโกโก้ ก่อนจะตักวิปปิ้งครีมลงไปเกลี่ยบนบิสกิตให้ทั่ว และทำแบบนี้ซ้ำกัน 3 ชั้น
- เมื่อทำครบชั้นบนสุดให้ปาดด้วยวิปครีมให้เรียบ และปิดฝา หรือใช้พลาสติกคลุมเอาไว้นำไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้ทีรามิสุเซ็ตตัว
- เมื่อเซ็ตตัวดีแล้วนำออกจากพิมพ์ และโรยด้วยผงโกโก้ พร้อมตัดเสิร์ฟได้เลย
5. คอร์นเฟลกคาราเมล
หากใครชอบเมนูขนมไม่ใช้เตาอบที่เป็นของว่างทานง่ายๆ กรุบกรอบหยิบทานได้เพลินไม่มีเบื่อ คอร์นเฟลกคาราเมลคือตอบโจทย์มาก เพราะเชื่อว่าหันมาอีกทีคือทานเพลินจนเกือบหมดกระปุกแล้วแน่นอน!
ส่วนผสมคอร์นเฟลกคาราเมล
- คอร์นเฟลก 300 กรัม (เลือกยี่ห้อได้ตามใจชอบ)
- เนยจืด 100 กรัม
- น้ำตาลทราย 120 กรัม
- แป้งอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ
- นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
- นมสด 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำผึ้ง 30 กรัม
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- ธัญพืชตามใจชอบ เช่น เม็ดมะม่วงอบสุก, อัลมอนด์, เมล็ดฟักทอง, ลูกเกด
วิธีทำคอร์นเฟลกคาราเมล
- ใส่เนยจืด น้ำตาลทราย นมข้นหวาน นมสด แป้งอเนกประสงค์ น้ำผึ้ง เกลือป่น และกลิ่นวานิลลาลงไปด้วยกัน ก่อนจะนำขึ้นตั้งไฟด้วยไฟกลาง พร้อมผสมให้ทั้งหมดเข้ากัน
- เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนไฟเริ่มเดือด จนรู้สึกว่าเหนียว และข้นขึ้น
- นำคอร์นเฟลกใส่ลงในชามเตรียมผสมที่มีใบใหญ่ ตามด้วยธัญพืชตามต้องการ
- ทยอยตักน้ำคาราเมลลงไปราดในชามผสมคอร์นเฟลก คลุกผสมทั้งหมดให้เข้ากัน แล้วตักคาราเมลที่เหลือราดลงไปให้ทั่วให้เข้ากัน จนรู้สึกว่าคาราเมลที่ราดไว้เริ่มแห้ง
- ปกติแล้วคอร์นเฟลกคาราเมลมักจะใส่เตาอบ แต่เมื่อเราไม่มีสามารถปรับเปลี่ยนได้ให้กลายเป็นขนมไม่ใช้เตาอบ ดังนั้นแนะนำให้แบ่งใส่ถ้วยก่อนจะนำไปอบด้วยไมโครเวฟ หรือหม้ออบลมร้อน เสร็จแล้วนำเอามาเทผึ่งเอาไว้เพื่อคลายความร้อน
- เมื่อหายร้อนแล้วนำใส่โหลที่ปิดมิดชิดเพื่อกันไม่ให้คอนเฟล็กโดนอากาศ จะได้กรอบอร่อยได้นาน
6. ฟักทองสังขยา
เมนูขนมไม่ใช้เตาอบแบบขนมไทยที่แค่มีหม้อนึ่ง หม้อเดียวก็เอาอยู่ เป็นเมนูขนมที่น่าจะถูกใจทุกวัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และยังเป็นเมนูของหวานที่ได้ทานเนื้อผลไม้ด้วย
ส่วนผสมฟักทองสังขยา
- ฟักทอง 2 ลูก
- หัวกะทิ 250 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 500 กรัม
- ไข่ไก่ 3 ฟอง
- ไข่เป็ด 3 ฟอง
- ใบเตย 5 ใบ
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
วิธีทำฟักทองสังขยา
- เตรียมฟักทองด้วยการเจาะเป็นสี่เหลี่ยมหรือวงกลม พร้อมกับใช้ช้อนตัก และขูดเอาไส้ฟักทองออก ก่อนจะล้างด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด และนำไปผึ่งให้แห้ง
- ใส่หัวกะทิ น้ำตาลปี๊บ ไข่ไก่ ไข่เป็ด และเกลือลงไปทั้งหมด ก่อนจะใช้ใบเตยมาขยำให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน
- ใช้กระชอนกรองน้ำสังขยาแล้วเทลงในลูกฟักทอง
- นำไปนึ่งในน้ำเดือด ก่อนจะใช้ไฟอ่อน โดยนึ่งประมาณ 1 ชั่วโมง แต่แนะนำให้หมั่นเปิดฝา และเช็คฟักทองเรื่อยๆ ทุก 20 นาที
- เมื่อฟักทองสุกแล้ว หั่นเป็นชิ้นๆ ให้ทานง่าย เตรียมพร้อมเสิร์ฟ ทานแบบอุ่นๆ ยิ่งอร่อย หรือจะนำไปแช่ตู้เย็นก็ฟินไปอีกแบบ
7. บัวลอยไข่หวาน
เมนูขนมหวานของไทยที่ใครก็ต้องชอบ เป็นขนมไม่ใช้เตาอบที่เพราะมาพร้อมรสชาติที่หวานลงตัวของแป้งบัวลอยเหนียวหนึบ ตัดกับน้ำกะทิเค็มมันกำลังดี ยิ่งทานคู่กับไข่หวานตอนร้อนๆ ยิ่งฟิน
ส่วนผสมบัวลอยไข่หวาน
- แป้งข้าวเหนียว 200 กรัม
- น้ำเปล่า 50 มิลลิลิตร
- กะทิ 200 กรัม
- น้ำตาลมะพร้าว 20 กรัม
- น้ำตาลทราย 30 กรัม
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- ใบเตย
- สีผสมอาหาร
วิธีทำบัวลอยไข่หวาน
- นำแป้งข้าวเหนียวใส่ลงในชามผสม ก่อนจะใส่น้ำเปล่าและนวดกับแป้งจนจับตัวเป็นก้อน และใส่สีผสมอาหารลงไปเพื่อให้ได้แป้งสีสวยน่ารับประทาน
- ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมเม็ดเล็กๆ
- นำแป้งไปต้มในน้ำเดือด และรอจนแป้งลอยขึ้นมา จึงตักใส่ชามที่มีน้ำอุณหภูมิห้องเพื่อพักแป้งเอาไว้
- นำหัวกะทิใส่หม้อ พร้อมใส่น้ำเปลาตามลงไปและตั้งไฟอ่อนๆ ก่อนจะใส่น้ำตาลมะพร้าว และเคี่ยวไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้กะทิไหม้ จากนั้นใส่เกลือ พร้อมรอให้กะทิเดือดอ่อนๆ แล้วไส่ไข่ลงไป และต้มจนสุก แล้วปิดไฟ
- ตักแป้งบัวลอยใส่ถ้วย และราดน้ำกะทิ พร้อมไข่ตามลงไป แล้วยกเสิร์ฟได้เลย
8. บลูเบอร์รี่ชีสพาย
เมนูขนมไม่ใช้เตาอบยอดฮิตที่รสชาติหวาน มัน เปรี้ยว กรอบอร่อยในคำเดียว โดยนอกจากจะไม่ใช้เตาอบแล้ว ยังมีวัตถุดิบไม่เยอะ และขั้นตอนน้อยมาก ที่สำคัญคือทำพร้อมกันๆ ได้หลายชิ้นเก็บไว้ทานเป็นของว่างได้หลายวัน
ส่วนผสมบลูเบอร์รี่ชีสพาย
- แครกเกอร์ 250 กรัม
- เนยจืด 150 กรัม
- ครีมชีส 350 กรัม
- นมข้นหวาน 70 กรัม
- น้ำมะนาว 2 ช้อนชา
- วิปปิ้งครีม 4 ช้อนโต๊ะ
- บลูเบอร์รี่กระป๋อง 500 กรัม
วิธีทำบลูเบอร์รี่ชีสพาย
- นำแครกเกอร์ไปบด หรือปั่นจนละเอียด หลังจากนั้นให้ใส่เนยจืดที่ละลายแล้วลงไปผสมกับแครกเกอร์ คนให้เข้ากัน และกรุลงในถ้วยโดยไม่จำเป็นต้องแน่นจนเกินไป พร้อมนำไปแช่ในตู้เย็นไว้สัก 2 ชั่วโมงเพื่อให้แครกเกอร์เซ็ตตัว
- นำครีมชีส นมข้นหวาน น้ำมะนาว วิปครีม มาตีพร้อมกันด้วยตะกร้อมือ หรือหากใครมีเครื่องตีให้ตีด้วยความเร็วปานกลาง ประมาณ 1 นาที
- นำมาเกลี่ยให้ทั่วบนหน้าแคกเกอร์ และนำไปแช่ตู้เย็นในช่องฟรีซต่อ ประมาณ 2 ชั่วโมง
- นำออกจากตู้เย็นมาราดหน้าด้วยบลูเบอร์รี่กระป๋องได้ตามใจชอบ พร้อมนำเสิร์ฟได้เลย
9. แพนเค้กกล้วยหอม
เมนูขนมไม่ใช้เตาอบที่ทำง่ายๆ จะทานเป็นมื้อเช้า หรือทานเป็นขนมหวานของว่างระหว่างวันคู่กับผลไม้สด ตามใจชอบก็ยิ่งอร่อย ที่สำคัญสำหรับสูตรในวันนี้จะเป็นสูตรที่ไม่ใส่แป้ง ถูกใจคนรักษาหุ่นที่อยากทานของหวานแน่นอน
ส่วนผสมแพนเค้กกล้วยหอม
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- กล้วยหอมบดละเอียด 1 ลูก
- กล้วยหอมฝานบาง 1 ลูก
- เนยจืด
- น้ำเชื่อม หรือไซรัปตามชอบ
- ผลไม้ตามใจชอบ
วิธีทำแพนเค้กกล้วยหอม
- นำไข่ไก่ตีผสมให้เข้ากัน ก่อนจะใส่กล้วยหอมบดลงไปผสมให้ดูเป็นเนื้อเดียวกัน
- เพื่อเพิ่มรสชาติให้ใส่กล้วยหอมฝานบางๆ ลงไปผสมด้วยให้เข้ากัน
- เตรียมทอด โดยให้ใส่เนยลงไปในกระทะ ก่อนจะค่อยๆ ตักแพนเค้กลง รอจนสุกทั้งสองด้าน จึงนำใส่จาน
- ราดน้ำเชื่อม หรือไซรัปรสชาติตามที่ชอบ จับคู่กับผลไม้สดต่างๆ เช่นสตอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ กี่วี่ ได้ตามใจชอบเพื่อเพิ่มรสชาติ และความสดชื่นให้กับแพนเค้กยิ่งขึ้น
10. พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน
เมนูสุดท้ายสำหรับขนมไม่ใช้เตาอบ แต่อร่อยได้ไม่แพ้กันเลย นี่คือพุดดิ้งมะพร้าวอ่อนที่จะให้เนื้อสัมผัสนุ่มนิ่มน่ารับประทาน พร้อมกับรสสัมผัสของมะพร้าวอ่อนที่กรอบอร่อยตัดกัน บวกกับกลิ่นหอมของมะพร้าวที่หอมจนวางช้อนไม่ลง
ส่วนผสมพุดดิ้งมะพร้าวอ่อน
- ผงวุ้นตรานางเงือก 2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 100 กรัม
- กะทิ 130 กรัม
- น้ำเปล่า 350 กรัม
- น้ำมะพร้าว 350 กรัม
- เนื้อมะพร้าวอ่อน 200 กรัม
- นมจืด 30 มิลลิลิตร
- นมข้นจืด 20 มิลลิตร
- นมข้นหวาน 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำพุดดิ้งมะพร้าวอ่อน
- นำผงวุ้นแช่ในน้ำเปล่าประมาณ 15 นาทีเพื่อให้วุ้นอิ่มน้ำ และละลายดี
- ก่อนจะนำขึ้นตั้งไฟด้วยไฟกลาง และใส่น้ำตาลทรายตามลงไปคนให้เข้ากัน หลังจากนั้นจึงใส่น้ำมะพร้าว คนให้เข้ากันไปเรื่อยๆ เพื่อให้วุ้นและน้ำตาลทรายละลายดี
- เติมน้ำกะทิเพิ่มลงไปในหม้อคนให้เข้ากัน และจึงใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป
- ตักน้ำวุ้นใส่ในพิมพ์ และนำไปแช่ในตู้เย็นเพื่อให้วุ้นเซ็ตตัว
- เตรียมทำน้ำราดหน้าพุดดิ้ง ให้ใส่นมสด นมข้นจืด และนมข้นหวานเข้าด้วยกัน พร้อมคนให้
ส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว - นำพุดดิ้งที่แช่เย็นจนเซ็ตตัวแล้วออกมา พร้อมตักน้ำราดลงไปบนพุดดิ้ง จัดเสิร์ฟได้เลย
สรุปท้ายบทความ
และทั้งหมดนี้คือ 10 ไอเดียขนมไม่ใช้เตาอบ ที่ถูกใจคนทานไม่ต่างจากเมนูขนมอบแบบอื่นๆ เลย โดยหยิบขึ้นมาทำได้ง่าย เพราะเป็นเมนูขนมไม่ใช้เตาอบ ทำได้สะดวกแน่นอน ไม่ว่าจะอยู่คอนโดหรืออยู่บ้านที่มีครัวเล็กๆ ก็ทำมารับประทานทานได้เหมือนกันเลยค่ะ