การทำขนมขายส่ง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการสร้างกำไรให้แก่คนรักขนมหวานที่อยากแบ่งปันความอร่อยเฉพาะตัวสู่นักกินทั้งหลาย โดยเฉพาะเชฟมือใหม่ที่พร้อมรังสรรค์ความฟินให้เหล่าคนรักขนมหวานได้ลิ้มลอง
หากคุณเป็นเชฟมือใหม่ที่ยังไม่มีลู่ทางในการเสิร์ฟความอร่อยให้นักชิมได้พิสูจน์ บทความนี้พร้อมตอบคำถามคาใจ และช่วยชี้แนะสูตรลัดการเป็นแม่ค้าทำขนมขายส่งอย่างเต็มรูปแบบ การันตีได้เลยว่าอ่านจบแล้วปฏิบัติตามได้จริง แบ่งปันความสุขผ่านความอร่อยได้อย่างทั่วถึงแน่นอน
การทำขนมขายส่งคืออะไร?
การทำขนมขายส่ง คือ การทำขนม/ขายขนมให้แก่ผู้ค้าปลีก หรือร้านขนมต่างๆ ด้วยการฝากวางหน้าร้าน และอาจมีเงื่อนไข หรือข้อตกลงระหว่างคุณและผู้ค้าปลีก
เช่น การตั้งจำนวนออเดอร์ขนมเพื่อให้ร้านค้าได้รับราคาขายส่ง หรือราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด โดยราคาส่วนต่างจะเป็นกำไรที่ทางร้านค้าได้ไป ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้ จะเป็นแรงจูงใจในการยินยอมจากทางผู้ค้าปลีกให้คุณสามารถวางขายขนมในร้านร่วมกันได้
แม้ว่าธุรกิจขายส่งอาจทำยอดกำไรให้ทะลุเป้าในทันทีไม่ได้ แต่กลไกของระบบขายส่งนั้นจะช่วยให้คุณขยายกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้นและหลากหลาย
โดยเฉพาะเชฟสายหวานมือใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในตลาดขนมมากนัก การกระจายเมนูเด็ดผ่านพ่อค้าคนกลาง หรือร้านขายปลีกที่น่าเชื่อถือ จะช่วยผลักดันให้ขนมแสนอร่อยเป็นที่รู้จักของนักชิมสายหวานเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ
การทำขนมขายส่งมีข้อดีอย่างไร?
แม้การทำขนมขายส่งอาจไม่ใช่ทางเลือกที่โดดเด่นในการไต่ยอดขายทำกำไรให้ถึงเป้าในทันที สำหรับเชฟสายหวานที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่ทางตลาด แต่ธุรกิจประเภทนี้จะช่วยสร้างรากฐานที่มั่นคงและสามารถขยายรากฐาน ต่อยอดผลกำไรในระยะยาวได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ธุรกิจขายส่งยังเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่นักลงทุนควรเรียนรู้ เพราะต่อให้คุณมีเงินพร้อมลงทุนมากมายเท่าไร แต่การเริ่มต้นล้วนมีความเสี่ยงเสมอ ดังนั้นธุรกิจขายส่งจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการทดลองลงตลาดขนมหวานก่อนลงสนามจริง คุณสามารถศึกษา Feedback และความเห็นต่างๆ ทั้งจากร้านค้าขายปลีก และลูกค้าเพื่อนำมาพัฒนา ต่อยอดเมนูเด็ดของคุณให้กลายเป็นสูตรซิกเนเจอร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดประจำร้านของคุณ
ข้อดีของการทำขนมขายส่งไม่ได้มีเพียงเท่านี้ คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมระหว่างทางได้อีกมากมาย แต่เรารับรองเลยว่าการเริ่มต้นธุรกิจขายส่งก่อนนั้น จะช่วยสร้างความรากฐานที่มั่นคงให้คุณได้ต่อยอดความสำเร็จของร้านขนมในฝันได้อย่างสวยงามแน่นอน
เตรียมความพร้อมสู่การทำขนมขายส่งด้วยเทคนิค 7 ข้อ
อยากเริ่มทำขนมขายส่งแล้ว ต้องรู้อะไรบ้าง? แล้วต้องเตรียมตัวอย่างไร?
เราขอแนะนำ 7 เทคนิคเตรียมความพร้อมสู่การทำขนมขายส่งมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของคุณ จะมีอะไรบ้าง เตรียมปากกาจดทริคไปใช้พร้อมกันได้เลย
1. พร้อมลงทุน ด้วยก้าวแรกที่หนักแน่น
ความมั่นใจเป็นเรื่องสำคัญในการช่วยผลักดันให้ก้าวแรกของคุณเดินต่อไปได้ คุณจำเป็นต้องรู้จักตัวเอง และร้านของตัวเองทุกระเบียบนิ้ว แม้จะเป็นการทำขนมขายส่ง แต่การรู้ดีเทลต่างๆ ไม่ว่าจะด้วยส่วนประกอบของขนม ซิกเนเจอร์ของเมนู รวมถึงที่มาของแพคเกจจิ้ง จะช่วยสร้างความมั่นใจและทำให้คุณเห็นภาพได้ชัดว่าจุดเด่นของเมนูนี้ต้องขายอย่างไรถึงจะซื้อใจร้านขนมและลูกค้าได้
นอกจากความมั่นใจแล้วความพร้อมในการลงทุนเองก็สำคัญ การเริ่มต้นสู่ธุรกิจนี้จำเป็นต้องมีเงินลงทุนที่พร้อมซัพพอร์ทในช่วงเริ่มต้น ทางที่ดีคุณควรวางแผนกับตัวเองให้เรียบร้อย มองหาแผนสำรองรอบด้าน ทั้งด้านการเงิน และการสรรค์สร้างเมนูความอร่อย เพื่อให้ก้าวแรกของการทำขนมขายส่งสมบูรณ์แบบที่สุด
2. ขนมที่พร้อมขาย คือเมนูเด็ดที่พร้อมเสิร์ฟ
เมนูขนมมีมากมายให้คุณได้เลือกขาย คุณสามารถเลือกขายขนมตามเทรนด์ หรือกระแสความนิยมในช่วงนั้นๆ ได้ หากเมื่อขึ้นชื่อว่า “ขนมตามกระแส” แล้ว เทรนด์ความนิยมก็ย่อมเปลี่ยนไปตามเวลาเช่นกัน ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำให้คุณเลือกเมนูเด็ดประจำร้าน เป็นเมนูที่คุณชื่นชอบและถนัดที่สุด
เมื่อคุณได้เริ่มลงทุนกับเมนูที่ชอบ คุณก็จะค้นพบสูตรที่ใช่ และสามารถส่งต่อความอร่อยให้คนกินได้สุขอย่างเต็มคำ
3. ความพร้อมในการรังสรรค์เมนูขนมแสนอร่อยให้พร้อมเสิร์ฟ
นอกจากจะต้องมีสูตรเด็ดในการรังสรรค์ความอร่อยแล้ว คุณเองก็จำเป็นต้องมีสถานที่และอุปกรณ์ที่พร้อมปรุงแต่งเมนูพร้อมเสิร์ฟเช่นกัน
โดยนอกจากการใส่ใจในความอร่อยแล้ว ก็ต้องใส่ใจ ในทุกกระบวนการ และควรคำนึงถึงผลลัพธ์อยู่เสมอว่าจะเป็นอย่างไร ทำแบบนี้จะเป็นผลดี หรือผลเสียต่อขนมของเรา
และอีกหนึ่งสิ่งควรปฏิบัติที่ไม่ควรละเลย “ความสะอาด” ถือเป็นหัวใจสำคัญในการสรรค์สร้างเมนูแสนอร่อยสู่นักกินสายหวาน ที่คุณจำเป็นต้องคำนึงอยู่เสมอ เพื่อภาพลักษณ์ของร้านค้า และเพื่อสุขอนามัยที่ดีต่อลูกค้า
4. แพคเกจจิ้งสวย เตะตาจนต้องอยากซื้อ
อีกหนึ่งจุดขายที่ดึงดูดลูกค้าได้อย่างมาก “แพคเกจจิ้งของขนม” คุณจำเป็นต้องสร้างภาพลักษณ์ที่น่าจดจำให้แก่เมนูเด็ดประจำร้าน นอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว ความพร้อมในการใช้งานเองก็สำคัญ คุณต้องออกแบบแพ็กเกจจิ้งให้พร้อมใช้งานสำหรับเมนูของคุณ
ตัวอย่างเช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับบรรจุเค้กพร้อมทาน คุณต้องออกแบบกล่องสำหรับใส่เค้กในขนาดที่เหมาะสม แกะกล่องกินได้ง่าย สีสันสวยงาม น่าจดจำ และมีช่องสำหรับใส่ช้อนพลาสติก เป็นต้น
5. มองหาร้านที่พร้อมให้คุณได้แพ็กขนมเตรียมเสิร์ฟความอร่อย
สำหรับการทำขนมขายส่ง เรื่องที่ควรศึกษาเป็นอันดับต้นๆ คือ “ร้านที่จะฝากวางขาย” คุณควรศึกษาและตามหาร้านขายปลีกที่รับฝากขายหน้าร้าน โดยคำนึงถึงทำเล และแนวทางของร้านดังกล่าวว่ามีความสอดคล้องต่อขนมของคุณหรือไม่
เช่น คุณทำมาการองขายส่ง ควรนำไปฝากวางขายร้านเบเกอรี่ และหลีกเลี่ยงร้านที่ขายขนมไทยเป็นหลัก เป็นต้น
เมื่อทำการบ้านมาอย่างดีแล้ว ลำดับต่อมาคือการลิสต์ร้านค้าที่สนใจฝากวางขายเพื่อขยายรากฐานในการเป็นที่รู้จักของนักกินสายหวาน โดยเลือกตั้งแต่ร้านที่อยู่บริเวณใกล้บ้านหรือสถานที่ทำขนมของคุณ จากนั้นค่อยๆ ขยับขยายช่องทางโดยการหาร้านที่ไกลออกไปจากบริเวณบ้าน หรือเลือกร้านที่คนเข้าใช้บริการบ่อย เช่น ร้านกาแฟใกล้ออฟฟิศคนทำงาน เป็นต้น
ที่สำคัญ อย่าลืมตั้งเงื่อนไขราคาขายส่งสำหรับร้านค้าให้ชัดเจน เพื่อให้คุณและร้านค้าขายปลีกได้รับผลประโยชน์ และต่อยอดผลกำไรร่วมกันในระยะยาว
6. วางแผนเสิร์ฟขนมสู่ร้านค้า ต้องมีพร้อมทั้งแผนหลักและแผนสำรอง
ความสดใหม่คือปัจจัยสำคัญของขนม เมื่อคุณได้ร้านฝากขายแล้ว ในลำดับถัดมาที่ควรคำนึงถึง คือการจัดส่งอย่างไรให้ขนมสดใหม่ที่สุด
แน่นอนว่าขนมแต่ละประเภทย่อมมีระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการศึกษาข้อมูลขนมของร้านตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก คุณต้องตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบให้ตัวเอง เช่น ขนมหมดอายุเมื่อไร? ลักษณะขนมเป็นอย่างไร? ข้อควรระวังของขนมมีอะไรบ้าง? คำตอบของคำถามเหล่านี้จะช่วยทำให้คุณจัดส่งขนมไปยังร้านขายปลีกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ คุณจำเป็นต้องมีแผนสำรองเสมอสำหรับการขนส่ง เช่น การขนส่งหยุดชะงักเนื่องจากติดวันหยุดยาว หรือระบบขนส่งมีปัญหา เป็นต้น ด้วยความที่เราไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้ ดังนั้นการมีแผนสำรองจะช่วยทำให้คุณผ่อนภาระจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้
7. พร้อมรับ Feedback เพื่อพัฒนา
ร้านขนมที่ประสบความสำเร็จได้ คือ ร้านขนมที่ไม่หยุดพัฒนา แม้เราจะเริ่มต้นจากการทำขนมขายส่ง แต่จุดเริ่มต้นนี้สามารถขยับขยายให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างแน่นอน ดังนั้น หมั่นศึกษาและสอบถามความคิดเห็นจากลูกค้า หรือร้านค้าขายปลีกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำมาพัฒนาขนมของคุณให้กลายเป็นขนมที่คนรักขนมหวานต้องยกนิ้วให้
อยากทำขนมขายส่ง ต้องรู้จักตั้งราคาขายส่ง
สำหรับนักขนมมือใหม่ที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วไม่รู้ว่าจะตั้งราคาขายส่งอย่างไร มาเรียนรู้วิธีการตั้งราคาขายส่งง่ายๆ ไปพร้อมกันด้วยวิธีดังต่อไปนี้ ร้านขายปลีกคุ้ม เราเองก็ได้กำไร
สูตรคิดราคาขายส่ง ตั้งง่าย ได้กำไร
สูตรที่ 1: ราคาขายส่ง = ค่าวัสดุ + (ค่าแรง x ค่าใช้จ่าย) + ค่าใช้จ่ายจิปาถะ + กำไร(%)
- ค่าแรง = ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานหรือทักษะของคน เช่น จ้างเชฟในการผสมแป้ง จ้างคนตกแต่งเค้ก เป็นต้น
- ค่าใช้จ่ายจิปาถะ = เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ หรือค่าอุปกรณ์ เป็นต้น
- วัตถุดิบ = ค่าใช้จ่ายของต้นทุน เช่น วัตถุดิบทั้งหมดในการรังสรรค์ขนมสูตรพิเศษ เป็นต้น
- กำไร = คุณสามารถตั้งอัตรากำไรได้เองตามความเหมาะสม ซึ่งสามารถอ้างอิงจากการตั้งราคาขายตามท้องตลาดที่ส่วนใหญ่มากจะบวกเพิ่ม 40% – 50% โดยคุณสามารถนำอัตรากำไรดังกล่าวมาหักออก และบวกเปอร์เซ็นต์ในราคาขายส่งเพิ่มตามความเหมาะสม
สูตรที่ 2: ราคาขายปลีก x 0.6 = ราคาขายส่ง (ลด 40% จากร้านค้าปลีก)
คุณสามารถตั้งราคาขายปลีกก่อนได้ ด้วยการหาราคาต้นทุน และบวกกำไรเพิ่มตามความเหมาะสม โดยส่วนใหญ่จะบวกเพิ่ม 40% – 50% เมื่อได้ราคาขายปลีกแล้ว ต้องหาราคาขายส่งในการนำไปเสนอร้านค้า โดยให้เลือกใช้สูตรที่ 2 มาทำการหาผลลัพธ์ต่อไป
นอกจาก 2 สูตร ข้างต้นที่จะช่วยหาราคาขายส่งที่เหมาะสมให้คุณได้แล้ว การเสริมกลยุทธ์ใหม่ๆ ในการสร้างแรงจูงใจให้ร้านขายปลีกเองก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจเช่นกัน โดยคุณสามารถเสริมโปรโมชันให้แก่ร้านค้าขายปลีก เช่น การลดราคาขนมของคุณ แต่กำไรยังคงอยู่ได้
ซึ่งการลดราคาอย่างเหมาะสม คือ การลดราคาเมนูดังกล่าวไม่ให้เกิน 50% ตามปกติแล้วราคาขายปลีกจำเป็นต้องมีราคาอยู่ที่ 4 – 6 เท่าของราคาต้นทุน และเพื่อไม่ให้เกิดการขาดทุนจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงข้อนี้ให้ดี
สรุปท้ายบทความ
อีกหนึ่งทางเลือกในการสร้างกำไรสำหรับเชฟสายหวานที่ไม่ควรพลาด กับการเริ่มธุรกิจขายส่งในตลาดขนมหวาน ที่จะทำให้ธุรกิจความอร่อยของคุณมั่นคงและเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน
หากคุณเตรียมความพร้อมสู่การทำขนมขายส่งเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมผสมผสานความใส่ใจในทุกกระบวนการ กับทุกเมนูในร้าน เพื่อสร้างความสุข และความประทับใจให้แก่ลูกค้าทุกท่าน ตั้งแต่เริ่มแกะกล่อง และได้สัมผัสกับรสชาติแห่งความสุขที่จะสร้างความฟินตั้งแต่คำแรกจนถึงคำสุดท้าย