MM-cover-บทความ หัดทำเบเกอรี่

10 เบเกอรี่หัดทำได้ง่ายๆ [สำหรับมือใหม่โดยเฉพาะ]

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

หลายคนมีความฝันว่าอยากทำเบเกอรี่ให้เป็น เพื่อจะทำทานเองที่บ้าน เป็นของขวัญให้กับคนรอบตัว หรือต่อยอดในการทำขายเป็นธุรกิจได้ในอนาคต แต่ก็อาจจะเจอปัญหาว่าไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี

บทความนี้ขอเอาใจมือใหม่ที่มีใจรักขนมหวานอยากเริ่มต้นหัดทำเบเกอรี่ แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำเบเกอรี่แบบไหนดี? หรืออยากเริ่มต้นหัดทำเบเกอรี่แบบง่ายๆ ขั้นตอนไม่เยอะ มีอุปกรณ์น้อยชิ้น ด้วยเมนู 10 เบอเกอรี่ง่ายๆ ที่คัดมาให้สำหรับมือใหม่โดยเฉพาะ ทั้งแบบใช้เตาอบและไม่ต้องใช้เตาอบ 

ถ้าพร้อมแล้วมาดูวิธีการเตรียมตัว พร้อมจดสูตรความอร่อยกันได้เลยค่ะ

มือใหม่หัดทำเบเกอรี่ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

มือใหม่มาเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเริ่มหัดทำเบเกอรี่ในครั้งแรกกัน! โดยทั้ง 10 เมนูเบเกอรี่นี้มีวัตถุดิบ ขั้นตอนการทำ และอุปกรณ์การใช้ที่แตกต่างกัน ถ้าอยากเริ่มทำขนมให้ลื่นไหล ไม่ติดขัด ไม่สับสน หรือกังวลในการทำครั้งแรก มาทำตามขั้นตอนนี้เลย

1. จดสูตรให้พร้อม

เบเกอรี่เป็นเมนูขนมหวานที่ควรให้ความสำคัญกับการเลือกสูตร และควรจะต้องใช้ปริมาณวัตถุดิบตามที่สูตรกำหนดเลย เพราะเบเกอรี่หากวัตถุดิบ หรือผิดพลาดไปขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งมันอาจจะทำให้เราได้เบเกอรี่ไม่ตรงตามที่เราตั้งใจไว้ได้เลย

2. เตรียมอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับทำเบเกอรี่เบื้องต้น

แม้จะเป็นมือใหม่หัดทำเบเกอรี่แต่อย่างไรก็ตามควรมีอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานให้พร้อม เช่น ช้อนตวง ตะกร้อมือ ที่ร่อนแป้ง และชามผสม เป็นต้น

3. เตรียมพื้นที่สำหรับหัดทำเบเกอรี่

การทำเบเกอรี่มักจะต้องใช้พื้นที่ครัวในการจัดวางของต่างๆ ทั้งวัตถุดิบ ชามผสม หรือแม้แต่เตาอบ ดังนั้นควรเคลียร์พื้นที่ให้สะอาด เตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มทำขนม 

แนะนำเมนูเบเกอรี่ทำง่ายที่ใช้เตาอบ

คัดมาให้แล้วสำหรับ 7 เมนูหัดทำเบเกอรี่ของมือใหม่สำหรับคนที่มีเตาอบเล็กๆ ใช้ที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องเป็นเตาอบขนาดใหญ่หรือมีฟังก์ชั่นเยอะแบบมืออาชีพก็ทำได้แน่นอน บางสูตรยังสามารถปรับใช้เครื่องอื่นๆ ได้แทน เช่น หม้ออบลมร้อน ได้ด้วยนะ

1. คุกกี้เนยสด

คุกกี้เนยสด

ยกให้เป็นหนึ่งในเมนูยอดฮิตสำหรับมือใหม่ที่เริ่มหัดทำเบเกอรี่เลย เพราะคุกกี้เนยสด หรือแม้แต่คุกกี้รสชาติอื่นๆ เป็นเบเกอรี่ที่ทำได้ง่าย ใช้อุปกรณ์น้อยชิ้น ใช้เวลาในการทำไม่นาน และต้นทุนการทำเบเกอรี่ใช้งบไม่สูง 

สามารถลองหัดทำได้บ่อย ที่สำคัญเป็นเมนูที่อร่อยได้ง่าย สามารถพลิกแพลงไปทำสูตรรสชาติอื่นๆ ได้ต่อ เรียกได้ว่าใครอยากลองทำเบเกอรี่ง่ายๆ เป็นเมนูแรก ก็ต้องนึกถึงคุกกี้เนยสดกันเลย

สูตรคุกกี้เนยสด

  1. แป้งอเนกประสงค์ 400 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 170 กรัม
  3. เนยสดเค็ม 300 กรัม
  4. นมสดจืด 2 ช้อนโต๊ะ
  5. ผงฟู ½ ช้อนชา
  6. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  7. กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา

ขั้นตอนการทำคุกกี้เนยสด

  1. เตรียมชามผสม ใส่เนยสด พร้อมกับน้ำตาลทรายตีให้ทั้งคู่เข้ากันดี จนเนยขึ้นฟูพอประมาณ 
  2. ใส่นมสด ไข่ไก่ และกลิ่นวานิลลาตามลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากัน
  3. นำแป้งอเนประสงค์ กับผงฟูร่อนเตรียมไว้ และค่อยๆ เทใส่ผสมแล้วจึงตีให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน 
  4. ใช้พายตะล่อมเนื้อแล้วจึงเทใส่ถุงบีบ ถ้าไม่มีให้ใช้ช้อนค่อยๆ หยอดให้เป็นก้อนสวย
  5. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาทีหรือจนสุก 
  6. หลังจากนั้นนำออกจากเตาอบ ค่อยๆ แซะคุกกี้วางบนตะแกรงทิ้งให้เย็นสนิท พร้อมนำเสิร์ฟได้เลย 

2. บราวนี่เนื้อฉ่ำ

บราวนี่เนื้อฉ่ำ

มือใหม่ที่เริ่มหัดทำเบเกอรี่จะพลาดเมนูนี้ไม่ได้ บราวนี่เป็นเมนูขนมหวานที่รสชาติดี เนื้อสัมผัสสามารถพลิกแพลงได้หลายแบบตามแต่ความชอบ และยุคนี้มีหลายสูตรหลายรสชาติให้ลองหัดทำ เช่น บราวนี่หน้ากรอบ บราวนี่ชาเขียว บราวนี่คุกกี้ บราวนี่นูเทลลี่ เป็นต้น 

เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่จะลองหัดทำเบเกอรี่ไว้ทานเอง หรือเตรียมฝึกมือหัดทำบ่อยๆ เพื่อเตรียมเป็นอาชีพเสริมก็ดี เพราะเมนูนี้เชื่อว่าไม่ว่าใครก็ชอบทานแน่นอนค่ะ

สูตรบราวนี่เนื้อฉ่ำ

  1. เนยจืด 100 กรัม
  2. ดาร์คช็อคโกแลต 200 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 250 กรัม
  4. แป้งอเนกประสงค์ 100 กรัม
  5. ไข่ไก่ 4 ฟอง
  6. ผงโกโก้ 30 กรัม
  7. เกลือ 1 ช้อนชา
  8. ผงฟู 1 ช้อนชา

ขั้นตอนการทำบราวนี่เนื้อฉ่ำ

  1. นำเนยจืด และช็อคโกแลตไปละลายด้วยไมโครเวฟด้วยไฟอ่อนๆ ให้พอละลายตัวและผสมเป็นเนื้อเดียวกัน
  2. หลังจากนั้นนำเนยช็อคโกแลต ผสมกับน้ำตาลทราย ผงโกโก้ ผงฟู และเกลือ ตะล่อมให้ทั้งหมดเป็นเนื้อเดียวกัน
  3. ค่อยๆ ทยอยใส่แป้งอเนกประสงค์ทีละน้อย ตามด้วยไข่ไก่และตีให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือ
  4. เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว นำเนื้อบราวนี่ได้ได้ใส่ลงในแม่พิมพ์ หรือถาดอลูมิเนียม
  5. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส อบประมาณ 25 นาที หรือจนกว่าจะสุก
  6. เมื่อสุกแล้วนำออกจากเตาอบ พร้อมนำเสิร์ฟได้เลย 

3. เค้กกล้วยหอม

เค้กกล้วยหอม

เอาใจคนรักกล้วยหอมโดยเฉพาะ เค้กกล้วยหอมเป็นเมนูเบเกอรี่ที่หากใครคิดว่าทำยาก บอกเลยว่าคิดผิด เพราะทำได้ง่ายมากกว่าที่คิดแน่นอน โดยเฉพาะใครมีกล้วยหอมติดตู้ไว้ที่บ้านไม่รู้จะเริ่มหัดทำเบเกอรี่เมนูไหนดี ต้องยกให้เมนูนี้เลยค่ะ 

ด้วยรสชาติเค้กกล้วยหอมที่หวาน นุ่มละมุนลิ้น หอมกลิ่นกล้วยหอม แม้ดูเหมือนว่าจะใช้วัตถุดิบเยอะชิ้นมากกว่าเบเกอรี่ชนิดอื่นๆ แต่วัตถุดิบที่ใช้ก็เป็นวัตถุดิบที่สามารถหาได้ง่ายๆ ตามร้านค้าเบเกอรี่ทั่วไป ไม่ยุ่งยากเลย

สูตรเค้กกล้วยหอม

  1. แป้งอเนกประสงค์ 180 กรัม 
  2. กล้วยหอมบด 2 ลูก 
  3. น้ำตาลทราย 140 กรัม 
  4. เนยจืดละลาย 70 กรัม
  5. นมสด 120 มล.
  6. ไข่ไก่ 2 ฟอง 
  7. เกลือ ½ ช้อนชา
  8. ผงฟู ½ ช้อนชา 
  9. เบกกิ้งโซดา ½ ช้อนชา 

ขั้นตอนการทำเค้กกล้วยหอม

  1. เตรียมชามผสมใส่ไข่ไก่ และน้ำตาลทราย ใช้ตะกร้อมือตีให้ทั้งหมดขึ้นฟู 
  2. ใส่นมสด และเนยจืดตามลงไป ตะล่อมให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน แล้วจึงใส่เนื้อกล้วยบดลงไปผสม
  3. ร่อนส่วนผสมของแห้งทั้งหมด แป้ง เกลือ ผงฟู และเบกกิ้งโซดาใส่ลงไปในชามผสมก่อนหน้านี้ ตะล่อมให้ส่วนผสมทั้งหมดเป็นเนื้อเดียวกัน
  4. ตักเนื้อกล้วยบดที่ได้ใส่แม่พิมพ์ แนะนำว่าควรใช้แม่พิมพ์ที่มีฐานสูง เพราะเค้กกล้วยหอมจะขึ้นตัวฟูสูง โดยเทใส่ประมาณ ⅓ ของแม่พิมพ์
  5. หลังจากนั้นนำเข้าเตาอบใช้ไฟบน-ล่าง อบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 20 นาที หรือจนกว่าจะสุก วิธีเช็คความสุกให้ใช้ไม้จิ้มฟันเช็ค ถ้าไม่มีเศษกล้วยหอมติดออกมาแสดงว่าสุกดีแล้ว
  6. เมื่อเค้กสุกดี นำมาพักไว้ให้เย็น แล้วนำจัดเสิร์ฟได้เลย

4. มัฟฟินบลูเบอรี่

มัฟฟินบลูเบอรี่

หากสนุกกับการเริ่มทำเค้กกล้วยหอมแล้ว มัฟฟินบลูเบอรี่ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่มือใหม่หัดทำเบเกอรี่ควรลองมาก เพราะเขามีเนื้อนุ่ม ฉ่ำๆ ในเนื้อเค้ก เต็มไปด้วยความหวานเข้มข้นของบลูเบอรี่ เป็นเมนูที่ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องตีก็สามารถทำได้เลยแค่มีตะกร้อมือชิ้นเดียวก็พอค่ะ

สูตรเค้กมัฟฟินบลูเบอรี่

  1. แป้งอเนกประสงค์ 150 กรัม
  2. บลูเบอร์รี่ 140 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 70 กรัม
  4. นมสด 60 กรัม
  5. เนยจืด 60 กรัม
  6. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  7. ผงฟู 1 ช้อนชา

ขั้นตอนการทำมัฟฟินบลูเบอรี่

  1. นำเนยจืดใส่ลงในชามผสม เติมน้ำตาลทรายลงไป ใช้ตะกร้อมือตีให้กลายเป็นเนื้อครีมละเอียด
  2. ทยอยแบ่งใส่ไข่ไก่ลงไปทีละนิด แบ่งประมาณ 3 รอบ สลับกับการตีผสม เพื่อให้ได้เนื้อมัฟฟินเนียนสวย
  3. นำแป้งและผงฟูมาร่อนรวมกัน แล้วใส่ลงในชามผสม ตามด้วยนมสดแล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน
  4. ใส่บลูเบอร์รี่ลงไปประมาณครึ่งหนึ่ง แล้วคลุกให้กระจายทั่วๆ เนื้อเค้กอย่างเบามือ
  5. ตักเนื้อเค้กใส่แม่พิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำบลูเบอร์รี่อีกครึ่งมาวางตกแต่งหน้าเค้ก
  6. นำเค้กเข้าอบที่ไฟบน-ล่างอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 20-25 นาทีหรือจนสุก 
  7. เมื่อสุกแล้ว นำไปพักให้เนื้อเย็น พร้อมนำเสิร์ฟ

5. ชิฟฟ่อนเค้ก

ชิฟฟ่อนเค้ก

หนึ่งในเมนูเค้กที่สามารถอัปเกรดสูตรไปทำเป็นเค้กแบบอื่นๆ ได้หลากหลายแบบ ไม่ว่าเค้กชิฟฟ่อนใบเตย หรือชิฟฟ่อนฝอยทอง เพราะชิฟฟ่อนเป็นเค้กที่มีรสชาติไม่เลี่ยน มีจุดเด่นในความนุ่มละมุนลิ้น ที่สำคัญเลยคือใช้อุปกรณ์ไม่เยอะ แค่เตรียมจดสูตรให้พร้อม และทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป รับรองว่าได้ชิฟฟ่อนเค้กที่นุ่มอร่อยจนจับไม่ได้เลยว่าเราเป็นมือใหม่หัดทำเบเกอรี่

สูตรชิฟฟ่อนเค้ก

  1. แป้งเค้ก 60 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 70 กรัม
  3. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  4. นมสด 30 มล.
  5. ผงฟู ½ ช้อนชา
  6. เกลือป่น ⅛  ช้อนชา
  7. น้ำมันรำข้าว 40 กรัม
  8. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  9. น้ำมะนาว ¼ ช้อนชา
  10. แม่พิมพ์ขนาด 1 ปอนด์
  11. กระดาษไข

ขั้นตอนการทำชิฟฟ่อนเค้ก

  1. แยกไข่แดงและไข่ขาวออกกัน หลังจากนั้นนำส่วนไข่แดงใส่ชามผสม ตามด้วยน้ำตาลทราย น้ำมันรำข้าว และกลิ่นวนิลา ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน
  2. ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู และเกลือฝนใส่ลงไปในชามผสมไข่แดง แล้วตะล่อมคนอีกครั้งให้เข้ากันและพักทิ้งไว้
  3. นำไข่ขาวใส่ชามผสม ตามด้วน้ำมะนาว ตีด้วยตะกร้อมือด้วยความเร็วจนเริ่มเป็นฟองหยาบๆ แล้วจึงค่อยๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายแล้วตีต่อจนไข่ขาวขึ้นฟู ตั้งยอดอ่อนๆ
  4. ตักส่วนผสมไข่ขาวแยกออกมาทยอยใส่ลงในชามผสมไข่แดง โดยแบ่งใส่ประมาณ 3 ครั้งพร้อมคนสลับกันอย่างเบามือ
  5. นำเนื้อที่ผสมแล้วเทใส่แม่พิมพ์ที่ปูกระดาษไขไว้แล้ว นำเข้าเตาอบไฟประมาณ 180 องศาเซลเซียส อบประมาณ 25 นาที หรือจนกว่าจะสุก
  6. เมื่อสุกนำเค้กออกจากเตาอบ แล้วจึงนำเค้กออกจากแม่พิมพ์คว่ำเค้กลงบนตะแกรง ลอกกระดาษไขออก แล้วจึงพลิกกลับด้าน พักทิ้งไว้จนเค้กเริ่มเย็น สามารถนำเสิร์ฟได้เลย หรือจะเสิร์ฟคู่กับผลไม้ก็ยิ่งเพิ่มความอร่อย

6. ชีสเค้กหน้าไหม้

ชีสเค้กหน้าไหม้

เมนูชีสเค้กหน้าไหม้ หรือบาสก์ชีสเค้กหนึ่งในเมนูขนมยอดฮิตสุดๆ ยุคนี้ เพราะด้วยหน้าตาที่แปลกใหม่มีความหน้าเกรียม แต่มีกลิ่นหอม และรสหวานกลมกล่อม แต่ใครจะรู้ว่าทำได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะใช้เตาอบ หรือไม่ต้องมีเตาอบแค่มีหม้อทอดไร้น้ำมันก็สามารถทำได้แล้ว บอกเลยว่าเมนูนี้มือใหม่หัดทำเบเกอรี่ห้ามพลาด

สูตรชีสเค้กหน้าไหม้หม้อทอดไร้น้ำมัน

  1. ครีมชีส 200 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 80 กรัม
  3. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  4. ไข่แดง 1 ฟอง
  5. วิปปิ้งครีม 120 มิลลิลิตร
  6. แป้งข้าวโพด 5 กรัม
  7. แม่พิมพ์ทรงกลมขนาด 1 ปอนด์ (สามารถปรับลดขนาดของแม่พิมพ์ได้ ขึ้นอยู่กับขนาดของหม้อทอดไร้น้ำมัน)

ขั้นตอนการทำชีสเค้กหน้าไหม้

  1. นำครีมชีสออกมาวางไว้ที่อุณหภูมิห้องก่อนเริ่มทำประมาณ 30 นาที เพื่อให้ครีมชีสนิ่ม และจะทำให้ตีผสมได้ง่ายขึ้น
  2. เริ่มขั้นตอนแรกด้วยการนำน้ำเทน้ำตาลทรายใส่ผสมลงในครีมชีส ตีให้ทั้งสองเข้ากันจนน้ำตาลเริ่มละลาย 
  3. ใส่แค่เฉพาะไข่แดง 1 ฟอง ตามลงไป และตะล่อมคนให้ทุกอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน
  4. นำไข่ไก่มาตีผสมให้แตกเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นจึงค่อยๆ เทลงในในส่วนผสมของวิปครีม แนะนำให้แบ่งผสมอย่างน้อย 3 รอบ 
  5. เติมวิปปิ้งครีมตามลงไป และคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
  6. หลังจากนั้นนำแป้งข้าวโพดมาร่อนแป้งใส่ลงไปผสม แล้วจึงตีผสมกันให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
  7. นำเนื้อชีสเค้กที่ได้เทลงใส่แม่พิมพ์ที่รองด้วยกระดาษไข แล้วนำไปใส่หม้อทอดไร้น้ำมันที่อุณหภูมิ 190-200 องศาเซลเซียส ประมาณ 25 นาที 
  8. เมื่อครบเวลา หรือสามารถลองเช็คได้เองเลยว่าได้ความสุกตามที่พอใจ ให้นำออกมาพักให้เย็นก่อนจะใช้แร็ปพลาสติกคลุมอาหาร และนำไปแช่ในตู้เย็นอย่างน้อย 2 ชั่วโมงเพื่อให้ชีสเค้กเซ็ตตัว และได้รสสัมผัสที่อร่อยขึ้น ก่อนนำเสิร์ฟ

7. ทาร์ตผลไม้สด

ทาร์ตผลไม้สด

คนรักผลไม้แต่ต้องการทานขนมหวานไปด้วยต้องเริ่มหัดทำขนมเบเกอรี่เมนูนี้เลย ความยุ่งยากของเมนูนี้คือจะแบ่งการทำเป็น 3 ขั้นตอน ทั้งการเตรียมฐานทาร์ต ครีมคัสตาร์ด และหน้าทาร์ต 

แต่ถ้าเพียงทำตามสูตรทั้งวิธีขั้นตอนการทำ และวัตถุดิบ รับรองไม่ยากอย่างที่คิด ไม่ต้องมีเตาอบก็สามารถทำขนมอร่อยๆ ที่มีหน้าตาสวยรับประทานได้เลย เหมาะสำหรับมือใหม่หัดทำเบเกอรี่ที่อยากทำไปเป็นของขวัญให้คนรักสุดๆ 

สูตรทาร์ตผลไม้

วัตถุดิบส่วนแป้งทาร์ต

  1. แป้งอเนกประสงค์ 450 กรัม 
  2. น้ำตาลไอซิ่ง 150 กรัม 
  3. เนยจืด 150 กรัม
  4. เกลือ 5 กรัม 
  5. ไข่ไก่ 2 ฟอง 
  6. กลิ่นวานิลา

วัตถุดิบส่วนไส้คัสตาร์ต

  1. ไข่แดง 4 ฟอง
  2. นมสด 520 มิลลิลิตร 
  3. น้ำตาลทราย 150 กรัม
  4. เกลือป่น  5 กรัม 
  5. แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ 
  6. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  7. เนยจืด 50 กรัม 
  8. ผลไม้สดตามชอบ

ขั้นตอนการทำแป้งทาร์ต

  1. ร่อนแป้งอเนกประสงค์ และเกลือให้เข้ากัน
  2. ใส่เนยจืด ไข่ไก่ น้ำตาลทราย และกลิ่นวานิลลา และนวดให้ส่วนผสมทั้งหมดเท่ากัน และปิดชามผสมด้วยฟิล์มถนอมอาหาร แล้วพักส่วนผสมทิ้งไว้ด้วยการนำไปแช่เย็นประมาณ​ 30 นาที
  3. หลังจากครบเวลาแล้วให้หยิบแป้งมาปั้นเป็นลูกกลมๆ และเกลี่ยให้แป้งแบนบาง ประมาณ 1 มิลลิลิตร
  4. นำแป้งไปใส่ในพิมพ์ทาร์ต วางให้แป้งเป็นทรงตามพิมพ์ และใช้ส้อมจิ้มรอบๆ แป้งทาร์ตให้ทั่ว เพื่อให้แป้งไม่พองขึ้นมาเวลาอบ หลังจากนั้นนำแป้งไปอบประมาณ 10 นาที

ขั้นตอนการทำไส้คัสตาร์ต

  1. ตีไข่แดงทั้ง 4 ฟอง กับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน ตามด้วยแป้งข้าวโพด นมสด และกลิ่นวานิลลาเพิ่มความหอม ก่อนจะตีให้เข้ากันอีกที
  2. จากนั้นนำชามผสมไปตั้งไว้บนหม้อที่มีน้ำเดือด (คล้ายกับการตุ๋น) หลังจากนั้นตีส่วนผสมไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าส่วนผสมของเราเริ่มหนืด ให้ใส่เนยจืดลงไปเพิ่ม คนให้เข้ากันพอดี และยกลงจากเตา

ขั้นตอนตกแต่งทาร์ตผลไม้สด

  1. บีบคัสตาร์ดลงไปในแป้งทาร์ตที่อบแล้ว
  2. จากนั้นตกแต่งด้วยผลไม้สดตามใจชอบ เช่น สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ หรือองุ่นต่างๆ เสร็จแล้วพร้อมจัดเสิร์ฟได้เลย

เมนูเบเกอรี่ที่ไม่ต้องใช้เตาอบ

สำหรับมือใหม่หัดทำเบเกอรี่แต่ไม่มีเตาอบไม่ต้องกังวลเลย คัดมาให้แล้วกับ 3 เมนูขนมยอดฮิตที่ไม่ต้องง้อเตาอบ แต่มือใหม่สามารถทำได้ เรียกได้ว่าตัดความยุ่งยากและอุปกรณ์ที่ใช้ออกไปได้ค่อนข้างเยอะ ใครอยากเริ่มต้นทำขนมเบเกอรี่แบบชิลๆ ต้องลอง 4 เมนูนี้เลย

8. บานอฟฟี่

บานอฟฟี่

เมนูที่ไม่ต้องใช้เตาอบที่มือใหม่หัดทำเบเกอรี่ทำตามได้สบายๆ ไม่ยุ่งยาก โดยเฉพาะใครที่ชอบทานกล้วยสุกงอมกำลังดีจะต้องหลงรักมากเป็นพิเศษ เพราะด้วยความละมุนละไมของกล้วย วิปครีมและคาราเมล กับความกรุบกรอบของฐานบานอฟฟี่ที่ทานแล้วอร่อยเข้ากันเป็นที่สุด จะทำกินเอง หรือหัดทำเป็นของขวัญเพื่อมอบให้คนรักก็เป็นเมนูที่ไม่ยากเลย

สูตรบานอฟฟี่

วัตถุดิบส่วนคาราเมล

  1. น้ำตาลทราย 65 กรัม 
  2. ครีมสด 75 กรัม 
  3. เนยจืด 50 กรัม
  4. เกลือป่น ⅛  ช้อนชา

วัตถุดิบส่วนฐาน

  1. แครกเกอร์ 100-120 กรัม 
  2. เนยจืด 65 กรัม
  3. วิปครีม 150 กรัม 
  4. กล้วยหอม 1-2 ลูก
  5. ผงโกโก้ตามใจชอบ

ขั้นตอนการทำบานอฟฟี่

  1. เริ่มต้นจากทำส่วนผสมของคาราเมล ใช้ไฟกลางนำน้ำตาลทรายลงไป รอจนละลายและได้สีน้ำตาลอ่อนสวยโดยไม่ต้องคน แล้วจึงปิดไฟนำครีมสดและเนยจืดใส่ลงไป พร้อมคนให้เข้ากันอย่างรวดเร็ว และพักทิ้งไว้
  2. นำเนยจืดไปอุ่นด้วยไมโครเวฟให้พอละลาย แล้วจึงนำแคร็กเกอร์ที่บดแล้วมาผสมให้เข้ากัน แล้วจึงกรุแคร็กเกอร์ใส่ลงในแม่พิมพ์ให้แน่น นำไปแช่ตู้เย็นช่องปกติทิ้งไว้ให้พอเซ็ตตัว
  3. ระหว่างนั้นนำครีมสดมาตีด้วยตะกร้อมือให้ตั้งยอด
  4. นำส่วนผสมทั้งหมดมาประกอบกัน นำฐานแคร็กเกอร์ออกจากตู้เย็นแล้วจึงตักคาราเมลราดลงไป ตามด้วยกล้วยหอมที่หั่นเป็นชิ้น แล้วจึงตักหรือบีบวิปครีม ตามด้วยผงโกโก้โรยลงไป พร้อมจัดเสิร์ฟได้เลย

9. ทีรามิสุ

ทีรามิสุ

ท้าทายความยากขึ้นมาอีกหนึ่งระดับของมือใหม่หัดทำเบเกอรี่ สำหรับเมนูที่ไม่ต้องง้อเตาอบอย่างทีรามิสุ เมนูที่เอาใจคนรักกาแฟ และโกโก้จะต้องชอบ เพราะมีทั้งรสชาติของความหวานละมุน และเข้มข้นที่ตัดเข้ากันเป็นอย่างดี ความยุ่งยากของเมนูมีเพียงแค่ต้องเตรียมกาแฟ และเลดี้ฟิงเกอร์วัตถุดิบที่คนมือใหม่อาจจะไม่คุ้นมาเป็นวัตถุดิบหลักด้วย แต่ขั้นตอนการทำต่างๆ บอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด

สูตรทีรามิสุ

  1. ผงกาแฟ 3 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำเปล่า 200 กรัม
  3. ขนมปังกรอบ 250 กรัม
  4. ไข่แดง 3 ฟอง
  5. น้ำตาลทราย 70 กรัม
  6. ครีมชีส 250 กรัม
  7. วิปปิ้งครีม 250 กรัม
  8. ผงโกโก้
  9. กลิ่นรัม

ขั้นตอนการทำทีรามิสุ

  1. นำกาแฟ 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำร้อน และพักทิ้งไว้จนเย็น
  2. นำไข่แดง ใส่น้ำตาลทราย และตีจนขึ้นฟู และมีสีขาวขึ้น
  3. ใส่ครีมชีส และกลิ่นรัมตามลงไป จากนั้นตะล่อมให้เข้ากัน
  4. แยกออกมาตีวิปปิ้งครีมให้ตั้งยอด และค่อยๆ ทยอยตักบางส่วนลงไปตะล่อมให้เข้ากัน ก่อนจะใส่ที่เหลือจนหมดให้ผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน
  5. นำบิสกิตลงไปจุ่มกับน้ำกาแฟ และวางซ้อนกันประมาณ 3 ชั้น และโรยผงโกโก้ ก่อนจะตักวิปปิ้งครีมลงไปเกลี่ยบนบิสกิตให้ทั่ว และทำแบบนี้ซ้ำกัน 3 ชั้น
  6. เมื่อทำครบชั้นบนสุดให้ปาดด้วยวิปครีมให้เรียบ และปิดฝา หรือใช้พลาสติกคลุมเอาไว้นำไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้ทีรามิสุเซ็ตตัว
  7. เมื่อเซ็ตตัวดีแล้วนำออกจากพิมพ์ และโรยด้วยผงโกโก้ พร้อมตัดเสิร์ฟได้เลย

10. บลูเบอรี่ชีสพาย

บลูเบอรี่ชีสพาย

เมนูขนมหวานง่ายๆ ที่ทำแล้วเก็บไว้ทำทานได้หลายวันด้วย บลูเบอรี่ชีสพายเป็นเบเกอรี่ที่มีรสชาติหวานๆ มันๆ เปรี้ยวๆ ของครีมชีส และตัดด้วยความกรุบกรอบของฐานพายจากแคร็กเกอร์ ตัดกับความหวานละมุของบลูเบอรี่ 

เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่ทานง่ายไม่ว่าใครก็ต้องชอบแน่นอน และที่สำคัญทำง่ายมากๆ ใช้วัตถุดิบไม่กี่ชิ้น ก็ได้เมนูของหวานที่มีรสชาติอร่อยจำเจไม่น่าเบื่อ และไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป ทำแล้วใส่แม่พิมพ์เป็นกล่องฝาปิด เก็บไว้ทานได้หลายวันเลย

สูตรบลูเบอรี่ชีสพาย

  1. แครกเกอร์ 100 กรัม (เลือกยี่ห้อได้ตามใจชอบ)
  2. เนยสดเค็ม 1 ก้อน
  3. ครีมชีส 1 ก้อน
  4. นมข้นหวาน 2-3 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
  6. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ถ้วย
  7. บลูเบอรี่ 1 กระป๋อง
  8. ถาดฟลอยด์ขนาด 8 นิ้ว 2 ถาด (ปรับได้ตามใจชอบ)

ขั้นตอนการทำบลูเบอรี่ชีสพาย

  1. บดแครกเกอร์ให้เนื้อละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน โดยสามารถใช้มือหรืออุปกรณ์ครัวภายในบ้านเป็นตัวช่วยบดได้เลย ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปั่น
  2. นำเนยเค็มไปละลายให้อุ่นในไมโครเวฟ แนะนำให้ค่อยๆ เวฟจนละลายดี อย่าให้เนยมีอุณหภูมิที่ร้อนจนเกินไป
  3. นำเนยที่ละลายแล้วใส่ลงไปในแคร็กเกอร์ที่บดเอาไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากันดี จนเนยกับแคร็กเกอร์จับตัวกัน
  4. นำเนยแคร็กเกอร์ไปกรุ และกดลงในฐานพิมพ์ โดยพยายามกดให้ตัวแคร็กเกอร์เกาะกับพิมพ์ แล้วจึงพักทิ้งไว้
  5. นำครีมชีสใส่ลงไปในชามผสม ตามด้วยโยเกิร์ตรสธรรมชาติ นมข้นหวาน และน้ำมะนาว ตีให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันจนได้เป็นเนื้อเนียน
  6. นำครีมชีสใส่ลงในพิมพ์บนฐาน แล้วจึงเกลี่ยให้เนียนเท่ากันทั้งฐาน
  7. ใส่บลูเบอรี่กระป๋องตามลงไปให้เต็มหน้าครีมชีส ใส่ปริมาณเยอะได้ตามใจชอบ 
  8. เสร็จแล้วสามารถทานได้เลย หรือจะแช่ตู้เย็นในช่องธรรมดาเพื่อให้เซ็ตตัวได้ดียิ่งขึ้นแล้วนำเสิร์ฟก็ได้

ท้ายบทความ

นี่คือ 10 เมนูเบเกอรี่ที่มือใหม่หัดทำเบเกอรี่สามารถทำตามได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด! มือใหม่เตรียมจดสูตร เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมแล้วมาลงมือเริ่มทำกันได้เลย ลองฝึกหัดทำเบเกอรี่บ่อยๆ รับรองว่าคุณจะได้เบเกอรี่รสชาติอร่อยที่ไม่แพ้กับมืออาชีพทำเลยค่ะ

ebook-banner-1