หลายคนมีความฝันว่าอยากทำเบเกอรี่ให้เป็น เพื่อจะทำทานเองที่บ้าน เป็นของขวัญให้กับคนรอบตัว หรือต่อยอดในการทำขายเป็นธุรกิจได้ในอนาคต แต่ก็อาจจะเจอปัญหาว่าไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี
บทความนี้ขอเอาใจมือใหม่ที่มีใจรักขนมหวานอยากเริ่มต้นหัดทำเบเกอรี่ แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำเบเกอรี่แบบไหนดี? หรืออยากเริ่มต้นหัดทำเบเกอรี่แบบง่ายๆ ขั้นตอนไม่เยอะ มีอุปกรณ์น้อยชิ้น ด้วยเมนู 10 เบอเกอรี่ง่ายๆ ที่คัดมาให้สำหรับมือใหม่โดยเฉพาะ ทั้งแบบใช้เตาอบและไม่ต้องใช้เตาอบ
ถ้าพร้อมแล้วมาดูวิธีการเตรียมตัว พร้อมจดสูตรความอร่อยกันได้เลยค่ะ
มือใหม่หัดทำเบเกอรี่ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
มือใหม่มาเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเริ่มหัดทำเบเกอรี่ในครั้งแรกกัน! โดยทั้ง 10 เมนูเบเกอรี่นี้มีวัตถุดิบ ขั้นตอนการทำ และอุปกรณ์การใช้ที่แตกต่างกัน ถ้าอยากเริ่มทำขนมให้ลื่นไหล ไม่ติดขัด ไม่สับสน หรือกังวลในการทำครั้งแรก มาทำตามขั้นตอนนี้เลย
1. จดสูตรให้พร้อม
เบเกอรี่เป็นเมนูขนมหวานที่ควรให้ความสำคัญกับการเลือกสูตร และควรจะต้องใช้ปริมาณวัตถุดิบตามที่สูตรกำหนดเลย เพราะเบเกอรี่หากวัตถุดิบ หรือผิดพลาดไปขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งมันอาจจะทำให้เราได้เบเกอรี่ไม่ตรงตามที่เราตั้งใจไว้ได้เลย
2. เตรียมอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับทำเบเกอรี่เบื้องต้น
แม้จะเป็นมือใหม่หัดทำเบเกอรี่แต่อย่างไรก็ตามควรมีอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานให้พร้อม เช่น ช้อนตวง ตะกร้อมือ ที่ร่อนแป้ง และชามผสม เป็นต้น
3. เตรียมพื้นที่สำหรับหัดทำเบเกอรี่
การทำเบเกอรี่มักจะต้องใช้พื้นที่ครัวในการจัดวางของต่างๆ ทั้งวัตถุดิบ ชามผสม หรือแม้แต่เตาอบ ดังนั้นควรเคลียร์พื้นที่ให้สะอาด เตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มทำขนม
แนะนำเมนูเบเกอรี่ทำง่ายที่ใช้เตาอบ
คัดมาให้แล้วสำหรับ 7 เมนูหัดทำเบเกอรี่ของมือใหม่สำหรับคนที่มีเตาอบเล็กๆ ใช้ที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องเป็นเตาอบขนาดใหญ่หรือมีฟังก์ชั่นเยอะแบบมืออาชีพก็ทำได้แน่นอน บางสูตรยังสามารถปรับใช้เครื่องอื่นๆ ได้แทน เช่น หม้ออบลมร้อน ได้ด้วยนะ
1. คุกกี้เนยสด
ยกให้เป็นหนึ่งในเมนูยอดฮิตสำหรับมือใหม่ที่เริ่มหัดทำเบเกอรี่เลย เพราะคุกกี้เนยสด หรือแม้แต่คุกกี้รสชาติอื่นๆ เป็นเบเกอรี่ที่ทำได้ง่าย ใช้อุปกรณ์น้อยชิ้น ใช้เวลาในการทำไม่นาน และต้นทุนการทำเบเกอรี่ใช้งบไม่สูง
สามารถลองหัดทำได้บ่อย ที่สำคัญเป็นเมนูที่อร่อยได้ง่าย สามารถพลิกแพลงไปทำสูตรรสชาติอื่นๆ ได้ต่อ เรียกได้ว่าใครอยากลองทำเบเกอรี่ง่ายๆ เป็นเมนูแรก ก็ต้องนึกถึงคุกกี้เนยสดกันเลย
สูตรคุกกี้เนยสด
- แป้งอเนกประสงค์ 400 กรัม
- น้ำตาลทราย 170 กรัม
- เนยสดเค็ม 300 กรัม
- นมสดจืด 2 ช้อนโต๊ะ
- ผงฟู ½ ช้อนชา
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
ขั้นตอนการทำคุกกี้เนยสด
- เตรียมชามผสม ใส่เนยสด พร้อมกับน้ำตาลทรายตีให้ทั้งคู่เข้ากันดี จนเนยขึ้นฟูพอประมาณ
- ใส่นมสด ไข่ไก่ และกลิ่นวานิลลาตามลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากัน
- นำแป้งอเนประสงค์ กับผงฟูร่อนเตรียมไว้ และค่อยๆ เทใส่ผสมแล้วจึงตีให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
- ใช้พายตะล่อมเนื้อแล้วจึงเทใส่ถุงบีบ ถ้าไม่มีให้ใช้ช้อนค่อยๆ หยอดให้เป็นก้อนสวย
- นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาทีหรือจนสุก
- หลังจากนั้นนำออกจากเตาอบ ค่อยๆ แซะคุกกี้วางบนตะแกรงทิ้งให้เย็นสนิท พร้อมนำเสิร์ฟได้เลย
2. บราวนี่เนื้อฉ่ำ
มือใหม่ที่เริ่มหัดทำเบเกอรี่จะพลาดเมนูนี้ไม่ได้ บราวนี่เป็นเมนูขนมหวานที่รสชาติดี เนื้อสัมผัสสามารถพลิกแพลงได้หลายแบบตามแต่ความชอบ และยุคนี้มีหลายสูตรหลายรสชาติให้ลองหัดทำ เช่น บราวนี่หน้ากรอบ บราวนี่ชาเขียว บราวนี่คุกกี้ บราวนี่นูเทลลี่ เป็นต้น
เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่จะลองหัดทำเบเกอรี่ไว้ทานเอง หรือเตรียมฝึกมือหัดทำบ่อยๆ เพื่อเตรียมเป็นอาชีพเสริมก็ดี เพราะเมนูนี้เชื่อว่าไม่ว่าใครก็ชอบทานแน่นอนค่ะ
สูตรบราวนี่เนื้อฉ่ำ
- เนยจืด 100 กรัม
- ดาร์คช็อคโกแลต 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 250 กรัม
- แป้งอเนกประสงค์ 100 กรัม
- ไข่ไก่ 4 ฟอง
- ผงโกโก้ 30 กรัม
- เกลือ 1 ช้อนชา
- ผงฟู 1 ช้อนชา
ขั้นตอนการทำบราวนี่เนื้อฉ่ำ
- นำเนยจืด และช็อคโกแลตไปละลายด้วยไมโครเวฟด้วยไฟอ่อนๆ ให้พอละลายตัวและผสมเป็นเนื้อเดียวกัน
- หลังจากนั้นนำเนยช็อคโกแลต ผสมกับน้ำตาลทราย ผงโกโก้ ผงฟู และเกลือ ตะล่อมให้ทั้งหมดเป็นเนื้อเดียวกัน
- ค่อยๆ ทยอยใส่แป้งอเนกประสงค์ทีละน้อย ตามด้วยไข่ไก่และตีให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือ
- เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว นำเนื้อบราวนี่ได้ได้ใส่ลงในแม่พิมพ์ หรือถาดอลูมิเนียม
- นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส อบประมาณ 25 นาที หรือจนกว่าจะสุก
- เมื่อสุกแล้วนำออกจากเตาอบ พร้อมนำเสิร์ฟได้เลย
3. เค้กกล้วยหอม
เอาใจคนรักกล้วยหอมโดยเฉพาะ เค้กกล้วยหอมเป็นเมนูเบเกอรี่ที่หากใครคิดว่าทำยาก บอกเลยว่าคิดผิด เพราะทำได้ง่ายมากกว่าที่คิดแน่นอน โดยเฉพาะใครมีกล้วยหอมติดตู้ไว้ที่บ้านไม่รู้จะเริ่มหัดทำเบเกอรี่เมนูไหนดี ต้องยกให้เมนูนี้เลยค่ะ
ด้วยรสชาติเค้กกล้วยหอมที่หวาน นุ่มละมุนลิ้น หอมกลิ่นกล้วยหอม แม้ดูเหมือนว่าจะใช้วัตถุดิบเยอะชิ้นมากกว่าเบเกอรี่ชนิดอื่นๆ แต่วัตถุดิบที่ใช้ก็เป็นวัตถุดิบที่สามารถหาได้ง่ายๆ ตามร้านค้าเบเกอรี่ทั่วไป ไม่ยุ่งยากเลย
สูตรเค้กกล้วยหอม
- แป้งอเนกประสงค์ 180 กรัม
- กล้วยหอมบด 2 ลูก
- น้ำตาลทราย 140 กรัม
- เนยจืดละลาย 70 กรัม
- นมสด 120 มล.
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- เกลือ ½ ช้อนชา
- ผงฟู ½ ช้อนชา
- เบกกิ้งโซดา ½ ช้อนชา
ขั้นตอนการทำเค้กกล้วยหอม
- เตรียมชามผสมใส่ไข่ไก่ และน้ำตาลทราย ใช้ตะกร้อมือตีให้ทั้งหมดขึ้นฟู
- ใส่นมสด และเนยจืดตามลงไป ตะล่อมให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน แล้วจึงใส่เนื้อกล้วยบดลงไปผสม
- ร่อนส่วนผสมของแห้งทั้งหมด แป้ง เกลือ ผงฟู และเบกกิ้งโซดาใส่ลงไปในชามผสมก่อนหน้านี้ ตะล่อมให้ส่วนผสมทั้งหมดเป็นเนื้อเดียวกัน
- ตักเนื้อกล้วยบดที่ได้ใส่แม่พิมพ์ แนะนำว่าควรใช้แม่พิมพ์ที่มีฐานสูง เพราะเค้กกล้วยหอมจะขึ้นตัวฟูสูง โดยเทใส่ประมาณ ⅓ ของแม่พิมพ์
- หลังจากนั้นนำเข้าเตาอบใช้ไฟบน-ล่าง อบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 20 นาที หรือจนกว่าจะสุก วิธีเช็คความสุกให้ใช้ไม้จิ้มฟันเช็ค ถ้าไม่มีเศษกล้วยหอมติดออกมาแสดงว่าสุกดีแล้ว
- เมื่อเค้กสุกดี นำมาพักไว้ให้เย็น แล้วนำจัดเสิร์ฟได้เลย
4. มัฟฟินบลูเบอรี่
หากสนุกกับการเริ่มทำเค้กกล้วยหอมแล้ว มัฟฟินบลูเบอรี่ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่มือใหม่หัดทำเบเกอรี่ควรลองมาก เพราะเขามีเนื้อนุ่ม ฉ่ำๆ ในเนื้อเค้ก เต็มไปด้วยความหวานเข้มข้นของบลูเบอรี่ เป็นเมนูที่ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องตีก็สามารถทำได้เลยแค่มีตะกร้อมือชิ้นเดียวก็พอค่ะ
สูตรเค้กมัฟฟินบลูเบอรี่
- แป้งอเนกประสงค์ 150 กรัม
- บลูเบอร์รี่ 140 กรัม
- น้ำตาลทราย 70 กรัม
- นมสด 60 กรัม
- เนยจืด 60 กรัม
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- ผงฟู 1 ช้อนชา
ขั้นตอนการทำมัฟฟินบลูเบอรี่
- นำเนยจืดใส่ลงในชามผสม เติมน้ำตาลทรายลงไป ใช้ตะกร้อมือตีให้กลายเป็นเนื้อครีมละเอียด
- ทยอยแบ่งใส่ไข่ไก่ลงไปทีละนิด แบ่งประมาณ 3 รอบ สลับกับการตีผสม เพื่อให้ได้เนื้อมัฟฟินเนียนสวย
- นำแป้งและผงฟูมาร่อนรวมกัน แล้วใส่ลงในชามผสม ตามด้วยนมสดแล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน
- ใส่บลูเบอร์รี่ลงไปประมาณครึ่งหนึ่ง แล้วคลุกให้กระจายทั่วๆ เนื้อเค้กอย่างเบามือ
- ตักเนื้อเค้กใส่แม่พิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำบลูเบอร์รี่อีกครึ่งมาวางตกแต่งหน้าเค้ก
- นำเค้กเข้าอบที่ไฟบน-ล่างอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 20-25 นาทีหรือจนสุก
- เมื่อสุกแล้ว นำไปพักให้เนื้อเย็น พร้อมนำเสิร์ฟ
5. ชิฟฟ่อนเค้ก
หนึ่งในเมนูเค้กที่สามารถอัปเกรดสูตรไปทำเป็นเค้กแบบอื่นๆ ได้หลากหลายแบบ ไม่ว่าเค้กชิฟฟ่อนใบเตย หรือชิฟฟ่อนฝอยทอง เพราะชิฟฟ่อนเป็นเค้กที่มีรสชาติไม่เลี่ยน มีจุดเด่นในความนุ่มละมุนลิ้น ที่สำคัญเลยคือใช้อุปกรณ์ไม่เยอะ แค่เตรียมจดสูตรให้พร้อม และทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป รับรองว่าได้ชิฟฟ่อนเค้กที่นุ่มอร่อยจนจับไม่ได้เลยว่าเราเป็นมือใหม่หัดทำเบเกอรี่
สูตรชิฟฟ่อนเค้ก
- แป้งเค้ก 60 กรัม
- น้ำตาลทราย 70 กรัม
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- นมสด 30 มล.
- ผงฟู ½ ช้อนชา
- เกลือป่น ⅛ ช้อนชา
- น้ำมันรำข้าว 40 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- น้ำมะนาว ¼ ช้อนชา
- แม่พิมพ์ขนาด 1 ปอนด์
- กระดาษไข
ขั้นตอนการทำชิฟฟ่อนเค้ก
- แยกไข่แดงและไข่ขาวออกกัน หลังจากนั้นนำส่วนไข่แดงใส่ชามผสม ตามด้วยน้ำตาลทราย น้ำมันรำข้าว และกลิ่นวนิลา ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน
- ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู และเกลือฝนใส่ลงไปในชามผสมไข่แดง แล้วตะล่อมคนอีกครั้งให้เข้ากันและพักทิ้งไว้
- นำไข่ขาวใส่ชามผสม ตามด้วน้ำมะนาว ตีด้วยตะกร้อมือด้วยความเร็วจนเริ่มเป็นฟองหยาบๆ แล้วจึงค่อยๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายแล้วตีต่อจนไข่ขาวขึ้นฟู ตั้งยอดอ่อนๆ
- ตักส่วนผสมไข่ขาวแยกออกมาทยอยใส่ลงในชามผสมไข่แดง โดยแบ่งใส่ประมาณ 3 ครั้งพร้อมคนสลับกันอย่างเบามือ
- นำเนื้อที่ผสมแล้วเทใส่แม่พิมพ์ที่ปูกระดาษไขไว้แล้ว นำเข้าเตาอบไฟประมาณ 180 องศาเซลเซียส อบประมาณ 25 นาที หรือจนกว่าจะสุก
- เมื่อสุกนำเค้กออกจากเตาอบ แล้วจึงนำเค้กออกจากแม่พิมพ์คว่ำเค้กลงบนตะแกรง ลอกกระดาษไขออก แล้วจึงพลิกกลับด้าน พักทิ้งไว้จนเค้กเริ่มเย็น สามารถนำเสิร์ฟได้เลย หรือจะเสิร์ฟคู่กับผลไม้ก็ยิ่งเพิ่มความอร่อย
6. ชีสเค้กหน้าไหม้
เมนูชีสเค้กหน้าไหม้ หรือบาสก์ชีสเค้กหนึ่งในเมนูขนมยอดฮิตสุดๆ ยุคนี้ เพราะด้วยหน้าตาที่แปลกใหม่มีความหน้าเกรียม แต่มีกลิ่นหอม และรสหวานกลมกล่อม แต่ใครจะรู้ว่าทำได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะใช้เตาอบ หรือไม่ต้องมีเตาอบแค่มีหม้อทอดไร้น้ำมันก็สามารถทำได้แล้ว บอกเลยว่าเมนูนี้มือใหม่หัดทำเบเกอรี่ห้ามพลาด
สูตรชีสเค้กหน้าไหม้หม้อทอดไร้น้ำมัน
- ครีมชีส 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 80 กรัม
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- ไข่แดง 1 ฟอง
- วิปปิ้งครีม 120 มิลลิลิตร
- แป้งข้าวโพด 5 กรัม
- แม่พิมพ์ทรงกลมขนาด 1 ปอนด์ (สามารถปรับลดขนาดของแม่พิมพ์ได้ ขึ้นอยู่กับขนาดของหม้อทอดไร้น้ำมัน)
ขั้นตอนการทำชีสเค้กหน้าไหม้
- นำครีมชีสออกมาวางไว้ที่อุณหภูมิห้องก่อนเริ่มทำประมาณ 30 นาที เพื่อให้ครีมชีสนิ่ม และจะทำให้ตีผสมได้ง่ายขึ้น
- เริ่มขั้นตอนแรกด้วยการนำน้ำเทน้ำตาลทรายใส่ผสมลงในครีมชีส ตีให้ทั้งสองเข้ากันจนน้ำตาลเริ่มละลาย
- ใส่แค่เฉพาะไข่แดง 1 ฟอง ตามลงไป และตะล่อมคนให้ทุกอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน
- นำไข่ไก่มาตีผสมให้แตกเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นจึงค่อยๆ เทลงในในส่วนผสมของวิปครีม แนะนำให้แบ่งผสมอย่างน้อย 3 รอบ
- เติมวิปปิ้งครีมตามลงไป และคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
- หลังจากนั้นนำแป้งข้าวโพดมาร่อนแป้งใส่ลงไปผสม แล้วจึงตีผสมกันให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
- นำเนื้อชีสเค้กที่ได้เทลงใส่แม่พิมพ์ที่รองด้วยกระดาษไข แล้วนำไปใส่หม้อทอดไร้น้ำมันที่อุณหภูมิ 190-200 องศาเซลเซียส ประมาณ 25 นาที
- เมื่อครบเวลา หรือสามารถลองเช็คได้เองเลยว่าได้ความสุกตามที่พอใจ ให้นำออกมาพักให้เย็นก่อนจะใช้แร็ปพลาสติกคลุมอาหาร และนำไปแช่ในตู้เย็นอย่างน้อย 2 ชั่วโมงเพื่อให้ชีสเค้กเซ็ตตัว และได้รสสัมผัสที่อร่อยขึ้น ก่อนนำเสิร์ฟ
7. ทาร์ตผลไม้สด
คนรักผลไม้แต่ต้องการทานขนมหวานไปด้วยต้องเริ่มหัดทำขนมเบเกอรี่เมนูนี้เลย ความยุ่งยากของเมนูนี้คือจะแบ่งการทำเป็น 3 ขั้นตอน ทั้งการเตรียมฐานทาร์ต ครีมคัสตาร์ด และหน้าทาร์ต
แต่ถ้าเพียงทำตามสูตรทั้งวิธีขั้นตอนการทำ และวัตถุดิบ รับรองไม่ยากอย่างที่คิด ไม่ต้องมีเตาอบก็สามารถทำขนมอร่อยๆ ที่มีหน้าตาสวยรับประทานได้เลย เหมาะสำหรับมือใหม่หัดทำเบเกอรี่ที่อยากทำไปเป็นของขวัญให้คนรักสุดๆ
สูตรทาร์ตผลไม้
วัตถุดิบส่วนแป้งทาร์ต
- แป้งอเนกประสงค์ 450 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง 150 กรัม
- เนยจืด 150 กรัม
- เกลือ 5 กรัม
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- กลิ่นวานิลา
วัตถุดิบส่วนไส้คัสตาร์ต
- ไข่แดง 4 ฟอง
- นมสด 520 มิลลิลิตร
- น้ำตาลทราย 150 กรัม
- เกลือป่น 5 กรัม
- แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- เนยจืด 50 กรัม
- ผลไม้สดตามชอบ
ขั้นตอนการทำแป้งทาร์ต
- ร่อนแป้งอเนกประสงค์ และเกลือให้เข้ากัน
- ใส่เนยจืด ไข่ไก่ น้ำตาลทราย และกลิ่นวานิลลา และนวดให้ส่วนผสมทั้งหมดเท่ากัน และปิดชามผสมด้วยฟิล์มถนอมอาหาร แล้วพักส่วนผสมทิ้งไว้ด้วยการนำไปแช่เย็นประมาณ 30 นาที
- หลังจากครบเวลาแล้วให้หยิบแป้งมาปั้นเป็นลูกกลมๆ และเกลี่ยให้แป้งแบนบาง ประมาณ 1 มิลลิลิตร
- นำแป้งไปใส่ในพิมพ์ทาร์ต วางให้แป้งเป็นทรงตามพิมพ์ และใช้ส้อมจิ้มรอบๆ แป้งทาร์ตให้ทั่ว เพื่อให้แป้งไม่พองขึ้นมาเวลาอบ หลังจากนั้นนำแป้งไปอบประมาณ 10 นาที
ขั้นตอนการทำไส้คัสตาร์ต
- ตีไข่แดงทั้ง 4 ฟอง กับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน ตามด้วยแป้งข้าวโพด นมสด และกลิ่นวานิลลาเพิ่มความหอม ก่อนจะตีให้เข้ากันอีกที
- จากนั้นนำชามผสมไปตั้งไว้บนหม้อที่มีน้ำเดือด (คล้ายกับการตุ๋น) หลังจากนั้นตีส่วนผสมไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าส่วนผสมของเราเริ่มหนืด ให้ใส่เนยจืดลงไปเพิ่ม คนให้เข้ากันพอดี และยกลงจากเตา
ขั้นตอนตกแต่งทาร์ตผลไม้สด
- บีบคัสตาร์ดลงไปในแป้งทาร์ตที่อบแล้ว
- จากนั้นตกแต่งด้วยผลไม้สดตามใจชอบ เช่น สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ หรือองุ่นต่างๆ เสร็จแล้วพร้อมจัดเสิร์ฟได้เลย
เมนูเบเกอรี่ที่ไม่ต้องใช้เตาอบ
สำหรับมือใหม่หัดทำเบเกอรี่แต่ไม่มีเตาอบไม่ต้องกังวลเลย คัดมาให้แล้วกับ 3 เมนูขนมยอดฮิตที่ไม่ต้องง้อเตาอบ แต่มือใหม่สามารถทำได้ เรียกได้ว่าตัดความยุ่งยากและอุปกรณ์ที่ใช้ออกไปได้ค่อนข้างเยอะ ใครอยากเริ่มต้นทำขนมเบเกอรี่แบบชิลๆ ต้องลอง 4 เมนูนี้เลย
8. บานอฟฟี่
เมนูที่ไม่ต้องใช้เตาอบที่มือใหม่หัดทำเบเกอรี่ทำตามได้สบายๆ ไม่ยุ่งยาก โดยเฉพาะใครที่ชอบทานกล้วยสุกงอมกำลังดีจะต้องหลงรักมากเป็นพิเศษ เพราะด้วยความละมุนละไมของกล้วย วิปครีมและคาราเมล กับความกรุบกรอบของฐานบานอฟฟี่ที่ทานแล้วอร่อยเข้ากันเป็นที่สุด จะทำกินเอง หรือหัดทำเป็นของขวัญเพื่อมอบให้คนรักก็เป็นเมนูที่ไม่ยากเลย
สูตรบานอฟฟี่
วัตถุดิบส่วนคาราเมล
- น้ำตาลทราย 65 กรัม
- ครีมสด 75 กรัม
- เนยจืด 50 กรัม
- เกลือป่น ⅛ ช้อนชา
วัตถุดิบส่วนฐาน
- แครกเกอร์ 100-120 กรัม
- เนยจืด 65 กรัม
- วิปครีม 150 กรัม
- กล้วยหอม 1-2 ลูก
- ผงโกโก้ตามใจชอบ
ขั้นตอนการทำบานอฟฟี่
- เริ่มต้นจากทำส่วนผสมของคาราเมล ใช้ไฟกลางนำน้ำตาลทรายลงไป รอจนละลายและได้สีน้ำตาลอ่อนสวยโดยไม่ต้องคน แล้วจึงปิดไฟนำครีมสดและเนยจืดใส่ลงไป พร้อมคนให้เข้ากันอย่างรวดเร็ว และพักทิ้งไว้
- นำเนยจืดไปอุ่นด้วยไมโครเวฟให้พอละลาย แล้วจึงนำแคร็กเกอร์ที่บดแล้วมาผสมให้เข้ากัน แล้วจึงกรุแคร็กเกอร์ใส่ลงในแม่พิมพ์ให้แน่น นำไปแช่ตู้เย็นช่องปกติทิ้งไว้ให้พอเซ็ตตัว
- ระหว่างนั้นนำครีมสดมาตีด้วยตะกร้อมือให้ตั้งยอด
- นำส่วนผสมทั้งหมดมาประกอบกัน นำฐานแคร็กเกอร์ออกจากตู้เย็นแล้วจึงตักคาราเมลราดลงไป ตามด้วยกล้วยหอมที่หั่นเป็นชิ้น แล้วจึงตักหรือบีบวิปครีม ตามด้วยผงโกโก้โรยลงไป พร้อมจัดเสิร์ฟได้เลย
9. ทีรามิสุ
ท้าทายความยากขึ้นมาอีกหนึ่งระดับของมือใหม่หัดทำเบเกอรี่ สำหรับเมนูที่ไม่ต้องง้อเตาอบอย่างทีรามิสุ เมนูที่เอาใจคนรักกาแฟ และโกโก้จะต้องชอบ เพราะมีทั้งรสชาติของความหวานละมุน และเข้มข้นที่ตัดเข้ากันเป็นอย่างดี ความยุ่งยากของเมนูมีเพียงแค่ต้องเตรียมกาแฟ และเลดี้ฟิงเกอร์วัตถุดิบที่คนมือใหม่อาจจะไม่คุ้นมาเป็นวัตถุดิบหลักด้วย แต่ขั้นตอนการทำต่างๆ บอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด
สูตรทีรามิสุ
- ผงกาแฟ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 200 กรัม
- ขนมปังกรอบ 250 กรัม
- ไข่แดง 3 ฟอง
- น้ำตาลทราย 70 กรัม
- ครีมชีส 250 กรัม
- วิปปิ้งครีม 250 กรัม
- ผงโกโก้
- กลิ่นรัม
ขั้นตอนการทำทีรามิสุ
- นำกาแฟ 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำร้อน และพักทิ้งไว้จนเย็น
- นำไข่แดง ใส่น้ำตาลทราย และตีจนขึ้นฟู และมีสีขาวขึ้น
- ใส่ครีมชีส และกลิ่นรัมตามลงไป จากนั้นตะล่อมให้เข้ากัน
- แยกออกมาตีวิปปิ้งครีมให้ตั้งยอด และค่อยๆ ทยอยตักบางส่วนลงไปตะล่อมให้เข้ากัน ก่อนจะใส่ที่เหลือจนหมดให้ผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน
- นำบิสกิตลงไปจุ่มกับน้ำกาแฟ และวางซ้อนกันประมาณ 3 ชั้น และโรยผงโกโก้ ก่อนจะตักวิปปิ้งครีมลงไปเกลี่ยบนบิสกิตให้ทั่ว และทำแบบนี้ซ้ำกัน 3 ชั้น
- เมื่อทำครบชั้นบนสุดให้ปาดด้วยวิปครีมให้เรียบ และปิดฝา หรือใช้พลาสติกคลุมเอาไว้นำไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้ทีรามิสุเซ็ตตัว
- เมื่อเซ็ตตัวดีแล้วนำออกจากพิมพ์ และโรยด้วยผงโกโก้ พร้อมตัดเสิร์ฟได้เลย
10. บลูเบอรี่ชีสพาย
เมนูขนมหวานง่ายๆ ที่ทำแล้วเก็บไว้ทำทานได้หลายวันด้วย บลูเบอรี่ชีสพายเป็นเบเกอรี่ที่มีรสชาติหวานๆ มันๆ เปรี้ยวๆ ของครีมชีส และตัดด้วยความกรุบกรอบของฐานพายจากแคร็กเกอร์ ตัดกับความหวานละมุของบลูเบอรี่
เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่ทานง่ายไม่ว่าใครก็ต้องชอบแน่นอน และที่สำคัญทำง่ายมากๆ ใช้วัตถุดิบไม่กี่ชิ้น ก็ได้เมนูของหวานที่มีรสชาติอร่อยจำเจไม่น่าเบื่อ และไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป ทำแล้วใส่แม่พิมพ์เป็นกล่องฝาปิด เก็บไว้ทานได้หลายวันเลย
สูตรบลูเบอรี่ชีสพาย
- แครกเกอร์ 100 กรัม (เลือกยี่ห้อได้ตามใจชอบ)
- เนยสดเค็ม 1 ก้อน
- ครีมชีส 1 ก้อน
- นมข้นหวาน 2-3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
- โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ถ้วย
- บลูเบอรี่ 1 กระป๋อง
- ถาดฟลอยด์ขนาด 8 นิ้ว 2 ถาด (ปรับได้ตามใจชอบ)
ขั้นตอนการทำบลูเบอรี่ชีสพาย
- บดแครกเกอร์ให้เนื้อละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน โดยสามารถใช้มือหรืออุปกรณ์ครัวภายในบ้านเป็นตัวช่วยบดได้เลย ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปั่น
- นำเนยเค็มไปละลายให้อุ่นในไมโครเวฟ แนะนำให้ค่อยๆ เวฟจนละลายดี อย่าให้เนยมีอุณหภูมิที่ร้อนจนเกินไป
- นำเนยที่ละลายแล้วใส่ลงไปในแคร็กเกอร์ที่บดเอาไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากันดี จนเนยกับแคร็กเกอร์จับตัวกัน
- นำเนยแคร็กเกอร์ไปกรุ และกดลงในฐานพิมพ์ โดยพยายามกดให้ตัวแคร็กเกอร์เกาะกับพิมพ์ แล้วจึงพักทิ้งไว้
- นำครีมชีสใส่ลงไปในชามผสม ตามด้วยโยเกิร์ตรสธรรมชาติ นมข้นหวาน และน้ำมะนาว ตีให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันจนได้เป็นเนื้อเนียน
- นำครีมชีสใส่ลงในพิมพ์บนฐาน แล้วจึงเกลี่ยให้เนียนเท่ากันทั้งฐาน
- ใส่บลูเบอรี่กระป๋องตามลงไปให้เต็มหน้าครีมชีส ใส่ปริมาณเยอะได้ตามใจชอบ
- เสร็จแล้วสามารถทานได้เลย หรือจะแช่ตู้เย็นในช่องธรรมดาเพื่อให้เซ็ตตัวได้ดียิ่งขึ้นแล้วนำเสิร์ฟก็ได้
ท้ายบทความ
นี่คือ 10 เมนูเบเกอรี่ที่มือใหม่หัดทำเบเกอรี่สามารถทำตามได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด! มือใหม่เตรียมจดสูตร เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมแล้วมาลงมือเริ่มทำกันได้เลย ลองฝึกหัดทำเบเกอรี่บ่อยๆ รับรองว่าคุณจะได้เบเกอรี่รสชาติอร่อยที่ไม่แพ้กับมืออาชีพทำเลยค่ะ