MM Cover 10 เบเกอรี่โฮมเมด

10 สูตรเบเกอรีโฮมเมด อร่อย ทำง่าย ทำได้ที่บ้าน

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

มาเติมความสุขให้หัวใจของคุณได้พองโตไปกับเมนูขนมยอดฮิตที่ใครได้ลิ้มลองก็ต้องติดใจอย่าง “เบเกอรีโฮมเมด” หนึ่งในเหล่าเมนูขนมที่คนรักของหวานต่างต้อง ยกให้เป็นความอร่อยที่ทำให้ใจฟูอย่างแน่นอน

โดยนอกจากความอร่อยแล้ว “เบเกอรีโฮมเมด” ยังเป็นกลุ่มขนมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการสร้างเสริมรายได้ ด้วยวิธีการทำที่แสนง่าย วัตถุดิบอยู่ใกล้ตัว แถมยังได้คัดสรรความอร่อยเองกับมือ ถือเป็นอีกหนึ่งความพิเศษของขนมโฮมเมด ที่ไม่ว่าคนทำหรือคนได้ลิ้มลองต่างก็มีความสุขไม่แพ้กัน

หากคุณพร้อมส่งมอบความสุขผ่านความอร่อยด้วยเมนูขนมติดเทรนด์อย่าง “เบเกอรีโฮมเมด” อย่ารอช้า บทความนี้ได้เตรียมสูตรเบเกอรีโฮมเมด มาให้คุณได้นำไปรังสรรค์ความอร่อยง่ายๆ ที่บ้านแล้ว 

10 สูตรเบเกอรีโฮมเมด ทำง่าย อร่อยด้วย

ส่งมอบความสุขด้วยความอร่อยกับ 10 สูตรเบเกอรีโฮมเมด ขนมยอดฮิตติดเทรนด์ ทำได้ง่าย อร่อยฟินจนใจฟู จะส่งต่อความอร่อยเป็นของขวัญให้คนใกล้ตัว หรือสร้างเสริมรายได้ด้วยการรังสรรค์ความอร่อยสู่ท้องตลาดก็ได้ทั้งนั้น  

ถ้าพร้อมแบ่งปันความสุขแล้ว มาเลือกหยิบสูตรที่ใช่ แล้วเริ่มผสมความอร่อยด้วยความตั้งใจ สร้างสรรค์เมนูสุดแสนพิเศษให้คนใกล้ตัวคุณกับเบเกอรีโฮมเมดกันเลย 

1. เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: คุกกี้ชาเขียวไวท์ช็อก

เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: คุกกี้ชาเขียวไวท์ช็อก

เอาใจคนรักชาเขียวด้วยขนมสูตรพิเศษที่ไม่ลองไม่ได้อย่าง “คุกกี้ชาเขียวไวท์ช็อก” อีกหนึ่งมิติความอร่อย ที่ผสมผสานความเข้มข้นและความหอมหวาน ระหว่างชาเขียว และไวท์ช็อกได้อย่างลงตัว 

ส่วนประกอบที่ต้องเตรียม  

  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 20 ช้อนโต๊ะ
  • ผงชาเขียว 1 ช้อนโต๊ะ
  • เบกกิงโซดา ½ ช้อนชา
  • เกลือ ½ ช้อนชา
  • น้ำตาลทรายแดง 10 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 10 ช้อนโต๊ะ
  • เนย 13 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
  • ไข่แดง 1 ฟอง
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • ไวท์ช็อกโกแลต (สับ) 13 ช้อนโต๊ะ หรือ 200 กรัม

ขั้นตอนการทำ

  • เริ่มต้นวอร์มเตาอบ ด้วยการเปิดโหมดพัดลมที่ 170 องศา แล้วเตรียมถาดอบคุกกี้พร้อมรองกระดาษไขให้เรียบร้อย
  • จากนั้นทำการร่อนแป้งสาลี ผงชาเขียว เบกกิ้งโซดา และเกลือ เมื่อร่อนส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วให้พักไว้ก่อน
  • ละลายเนยในไมโครเวฟ และคนให้คลายความร้อนเล็กน้อย จากนั้นใส่น้ำตาลทรายทั้งหมด แล้วทำการตีส่วนผสมดังกล่าวให้เข้ากัน ตามด้วยไข่ไก่และไข่แดงที่เตรียมไว้ พร้อมกลิ่นวานิลลา ตีต่อไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
  • เมื่อส่วนผสมข้างต้นเข้าที่แล้ว ให้ใส่ส่วนผสมของแห้งลงไป (ส่วนผสมที่ร่อนไว้ก่อนหน้า) จากนั้นใช้ไม้พายคนส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วนำไวท์ช็อกโกแลตสับหยาบๆ ผสมตามไป คนให้ทั่วจนเป็นเนื้อเดียวกัน
  • จากนั้นใช้ช้อนขนาด 1 ช้อนโต๊ะในการตักคุกกี้ลงบนถาดอบ จัดระเบียบความสวยงามตามเหมาะสม แล้วนำเข้าเตาอบเป็นเวลา 9 นาที เมื่อครบเวลาตามกำหนดให้นำคุกกี้ออกมาพักบนถาดประมาณ 1 – 2 นาที ก่อนแล้วค่อยนำขึ้นมาพักบนตะแกรงต่อจนคุกกี้เซทตัว

2. เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: บรู๊กกี้

เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: บรู๊กกี้

ต่อด้วยเมนูลูกครึ่ง หรือ Franken-Desserts ที่กำลังมาแรงสุดๆ ในช่วงนี้อย่าง “บรู๊กกี้” ซึ่งเป็นการรวมความอร่อยระหว่างบราวนี่และช็อกโกแลตชิพคุกกี้ที่ลงตัวอย่างมาก สำหรับใครที่ชื่นชอบเบเกอรี่โฮมเมดทั้งสองเมนูนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ไม่ควรพลาดความอร่อยนี้เป็นอันขาด

ส่วนประกอบที่ต้องเตรียม

ส่วนผสมสำหรับช็อกโกแลตชิพคุกกี้

  • เนย (ละลาย) 7 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทรายแดง 10 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • เกลือ ½ ช้อนชา
  • เบกกิงโซดา ½ ช้อนชา
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 14 ช้อนโต๊ะ
  • ช็อกโกแลตชิพ 11 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมสำหรับบราวนี่

  • น้ำตาลทราย 20 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 7 ช้อนโต๊ะ
  • ผงโกโก้ 4 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ ½ ช้อนชา
  • ผงฟู ¾ ช้อนชา
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • น้ำมันรำข้าว 1 ถ้วยตวง
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • ช็อกโกแลต (ไม่หวาน) 8 ช้อนโต๊ะ
  • ช็อกโกแลตชิพ 11 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการทำ

  • เริ่มต้นด้วยการทำช็อกโกแลตชิพคุกกี้ โดยนำเนยละลาย น้ำตาลทรายทั้ง 2 ชนิด ไข่ไก่ และกลิ่นวานิลลา มาตีรวมให้เข้ากัน จากนั้นใส่แป้งสาลี เกลือ และเบกกิ้งโซดาตามลง แล้วคนให้เข้ากัน 
  • เมื่อเนื้อแป้งของตัวคุกกี้เริ่มเข้ากันแล้ว ใส่ช็อกโกแลตชิพ 8 ช้อนโต๊ะ ผสมตาลงไป แล้วคนให้ตัวช็อกโกแลตชิพกระจายตัว จากนั้นนำส่วนผสมมาเกลี่ยลงบนกระดาษไขโดยให้มีขนาดใกล้เคียงกับพิมพ์หรือถาดที่เตรียมไว้ แล้วนำไปแช่แข็งระหว่างรอการเตรียมส่วนผสมของฝั่งบราวนี่
  • ก่อนเริ่มทำตัวบราวนี่ ให้วอร์มเตาอบก่อนที่ 180 องศา จากนั้นเตรียมถาดอบขนาด 9 x 11 นิ้ว มาทาเนยแล้วรองด้วยกระดาษไข
  • จากนั้นมาเริ่มทำบราวนี่ด้วยการสับช็อกโกแลตแบบไม่หวาน และนำไปละลายในไมโครเวฟ 
  • ต่อมาให้นำน้ำตาลทราย แป้งสาลี ผงโกโก้ เกลือ และผงฟูมาผสมเข้าด้วย แล้วพักไว้ก่อน
  • ในส่วนของอาหารประเภทของเหลวอย่าง ไข่ไก่ น้ำมันรำข้าว และกลิ่นวานิลลา ให้นำวัตถุดิบทั้งหมดมาตีด้วยใบพายให้เข้ากัน
  • เมื่อส่วนผสมเริ่มเข้าที่ให้นำช็อกโกแลตและของแห้งที่เตรียมไว้ มาผสมและตีต่อเบา ๆ ให้เข้าวัตถุดิบต่างๆ เข้ากัน จากนั้นให้ใส่ช็อกโกแลตลงชิพจำนวน 3 – 4 ช้อนโต๊ะ ตามลงไป 
  • มาถึงจุดสำคัญของเมนูนี้ คือการผสานสองเมนูเข้าด้วยกัน โดยให้นำช็อกโกแลตชิพคุกกี้ที่เตรียมไว้มาวางลงบนหน้าบราวนี่ แล้วโรยด้วยช็อกโกแลตชิพที่เหลือบนหน้าขนม
  • ก่อนนำบรู๊กกี้เข้าเตาอบ ให้คลุมถาดอบด้วยฟอยล์แล้วนำเข้าอบ โดยใช้เวลาประมาณ 50 นาที เมื่อครบตามเวลาดังกล่าว ให้เปิดฟอยล์แล้วอบต่ออีก 10 นาที หรือจนสุกดี จากนั้นพักบรู๊กกี้ให้เย็นตัว ก่อนนำเสิร์ฟความอร่อย

3. เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: คุกกี้โดบราวนี่

อีกหนึ่งเมนูกลายพันธ์ุที่ต้องลอง ”คุกกี้โดบราวนี่” เมนูเบเกอรี่โฮมเมดฉบับ Franken-Desserts ที่ผสมผสานทุกความอร่อยได้อย่างลงตัว ทำง่าย อร่อยจริง อยากลองเสิร์ฟเมนูใหม่ๆ ให้คนใกล้ตัวก็เริ่มด้วยเมนูนี้ได้เลย

ส่วนประกอบที่ต้องเตรียม

ส่วนผสมสำหรับบราวนี่

  • เนยจืด 5 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ ½ ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 9 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • แป้งอเนกประสงค์ 3 ช้อนโต๊ะ
  • ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมสำหรับคุกกี้โด

  • เนยจืด 4 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา
  • เกลือ ½ ช้อนชา
  • น้ำตาลไอซิ่ง 1 ช้อนโต๊ะ
  • อัลมอนด์บด 5 ช้อนโต๊ะ
  • ช็อกโกแลตชิพ 3 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการทำ

  • เริ่มวอร์มเตาด้วยการเปิดเตาอบที่ 180 องศา จากนั้นเตรียมถาดอบขนม (ขนาด 15 x15 ซม.)ด้วยการวางกระดาษไขรองถาดไว้ 
  • นำเนยจืดที่เตรียมไว้สำหรับทำบราวนี้ไปละลาย (สามารถนำไปละลายในไมโครเวฟได้) จากนั้นนำน้ำตาล และเกลือมาผสมและคนให้เข้ากัน แล้วพักให้เย็นประมาณ 10 นาที
  • ระหว่างรอให้นำไข่ไก่ และวานิลลามาผสมแล้วตีให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมทั้งสองเข้ากันดีแล้ว ให้นำแป้งและผงโกโก้ผสมตามลงไป คนจนส่วนผสมเข้ากันอีกครั้ง
  • เมื่อส่วนผสมเข้ากันเรียบร้อย ให้เทลงบนถาดแล้วทำการอบตัวบราวนี่ที่ 180 องศา เป็นเวลา 25 นาที หากอบบราวนี่เรียบร้อยแล้วให้นำมาพักให้เย็นก่อนที่จะนำไปผสมกับส่วนอื่น
  • ต่อด้วยตัวคุกกี้โด ให้นำเนย เกลือ และวานิลลามาผสมให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำตาลไอซิ่งตามลงไปแล้วคนจะเข้ากัน เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเริ่มเป็นเนื้อเดียวกันแล้วค่อยนำอัลมอนด์บด และช็อกโกแลตชิพมาผสมเพื่อเพิ่มเท็กเจอร์ความอร่อย
  • จากนั้นให้นำตัวส่วนผสมคุกกี้โดมาเทลงบนบราวนี่ที่เตรียมไว้ก่อนหน้า เกลี่ยหน้าของคุกกี้โดให้เรียบ และสวยงาม ก่อนจะนำไปแช่เย็น โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วนำมาตัดเป็นชิ้นเสิร์ฟ

4. เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: ชิววี่บราวนี่

เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: ชิววี่บราวนี่

“บราวนี่” แหล่งรวมความฟินสำหรับคนรักช็อกโกแลต เชื่อว่าสายหวานทั้งหลายคงเคยลิ้มลองบราวนี่มาหลากหลายรูปแบบแล้ว และเราขอเอาใจคนรักบราวนี่เนื้อหนึบ ด้วยสูตรเบเกอรี่โฮมเมด ทำตามได้ง่ายๆ ที่บ้าน การันตีความฟินที่คุณจะได้สัมผัสกับความเข้มข้นตั้งแต่คำแรกจนคำสุดท้าย

ส่วนประกอบที่ต้องเตรียม

  • ผงโกโก้ 3 ช้อนโต๊ะ
  • ผงกาแฟ 1 ช้อนชา 
  • น้ำร้อน 7 ช้อนโต๊ะ หรือ 100 มิลลิลิตร 
  • ช็อกโกแลต (แบบไม่หวาน) 3 ช้อนโต๊ะ 
  • น้ำมันรำขาว 7 ช้อนโต๊ะ หรือ 100 มิลลิลิตร
  • เนย (ละลาย) 2 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • ไข่แดง 1 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 25 ช้อนโต๊ะ 
  • กลิ่นวานิลลา 1 ½ ช้อนชา 
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 12 ช้อนโต๊ะ 
  • เกลือ ½ ช้อนชา 
  • ดาร์กช็อกโกแลต (สับหยาบ) 8 ช้อนโต๊ะ หรือ 125 กรัม 

ขั้นตอนการทำ

  • เริ่มวอร์มเตาด้วยการนำถาดอบขนาด 8×8 นิ้ว มาทาเนยให้ทั่วแล้วรองด้วยกระดาษไข จากนั้นตั้งอุณหภูมิที่ 175 องศา พร้อมปรับชั้นตะแกรงให้อยู่ต่ำจากส่วนกลางของเตาอบเล็กน้อย 
  • เริ่มต้นการรังสรรค์ความอร่อยด้วยการนำผงโกโก้ และผงกาแฟ มาละลายในน้ำร้อนที่เตรียมไว้ จากนั้นใช้ตะกร้อคนให้ส่วนผสมทั้งสองละลายจนเข้ากัน ก่อนจะใส่ช็อกโกแลตสับหยาบ (แบบไม่หวาน) น้ำมันและเนยละลายลงไปในถ้วยผสมตามลำดับ (ส่วนผสมก่อนหน้าต้องละลายเข้ากันดีก่อนถึงจะสามารถใส่ส่วนผสมอื่นตามไปได้) 
  • เมื่อเนื้อช็อกโกแลตที่เตรียมไว้เข้ากันแล้ว ให้นำไข่ไก่ ไข่แดง และกลิ่นวานิลลาผสมลงในวัตถุดิบที่เตรียมไว้ก่อนหน้า คนจนได้ที่แล้วค่อยใส่น้ำตาลทรายตามไป จากนั้นให้คนต่อจนน้ำตาลทรายละลายเป็นเนื้อเดียวกับช็อกโกแลตที่เตรียมไว้
  • ขั้นตอนต่อมาคือการร่อนแป้งและเกลือเขาด้วยกัน โดยร่อนส่วนผสมดังกล่าวลงในถ้วยส่วนผสมช็อกโกแลต หากเรียบร้อยแล้วให้ใช้ไม้พายคนส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วปิดท้ายด้วยการใส่ดาร์กช็อกแบบสับหยาบ
  • นำส่วนผสมที่เตรียมเรียบร้อยแล้วมาใส่ลงในถาดอบที่เตรียมไว้ จากนั้นนำเข้าเตาอบ โดยใช้เวลาในการอบ 35 นาที หลังจากอบขนมเรียบร้อยแล้วให้นำบราวนี่ทั้งถาดบนตะแกรงออกมาพัก หรือให้อุณหภูมิเย็นลง (อาจใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง) เมื่อครบตามระยะเวลาดังกล่าว ก็เตรียมเสิร์ฟความอร่อยได้เลยค่ะ

5. เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: เค้กแครอท

เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: เค้กแครอท

“เค้กแครอท” เบเกอรีโฮมเมดที่สายหวานต่างให้ความสนใจมากขึ้นในปัจจุบัน ด้วยจุดเด่นของเนื้อเค้กที่มีการผสมผสานแครอทเข้ากันได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมีส่วนผสมของธัญพืช รวมถึงความหอมของสมุนไพรที่จะทำให้คุณได้ฟินตั้งแต่คำแรกที่ได้ลิ้มลอง 

ส่วนประกอบที่ต้องเตรียม

  • น้ำมันรำข้าว 8 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทรายขาว 5 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทรายแดง 4 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • แป้งเค้ก 10 ช้อนโต๊ะ
  • อบเชย 1 ช้อนชา
  • ลูกจันทน์ป่น ¼ ช้อนชา
  • ออลสไปซ์ ¼ ช้อนชา
  • เบกกิงโซดา ¾ ช้อนชา
  • ผงฟู ½ ช้อนชา
  • เกลือ ¼ ช้อนชา
  • แครอท (ขูด) 12 ช้อนโต๊ะ หรือ 180 กรัม
  • วอลนัต (อบ) 3 ช้อนโต๊ะ หรือ 50 กรัม
  • ลูกเกดดำ 1 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมสำหรับ ครีมชีสวิปครีม

  • ครีมชีส 9 ช้อนโต๊ะ
  • นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา
  • วิปปิ้งครีม 13 ช้อนโต๊ะ หรือ 200 กรัม

ขั้นตอนการทำ

  • เริ่มต้นความอร่อยด้วยการเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม โดยนำพิมพ์ขนาด 8 x 8 นิ้ว มารองด้วยฟอยล์ แล้ววอร์มเตาด้วยการตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 180 องศา (เปิดไฟบนและไฟล่าง)
  • จากนั้นเริ่มทำตัวเค้กด้วยการนำส่วนผสมแห้งอย่าง แป้งเค้ก อบเชย ลูกจันทน์ ออลสไปซ์ เบกกิงโซดา ผงฟู และเกลือ มาร่อนให้ส่วนผสมเข้ากัน
  • ต่อด้วยการทำส่วนผสมประเภทน้ำ โดยนำน้ำมันและน้ำตาลทั้งสองชนิดมาผสมกันก่อนจะใส่ไข่ไก่ และกลิ่นวานิลลาตามลงไป ตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน 
  • เมื่อส่วนผสมประเภทน้ำเข้ากันแล้วให้ใส่ส่วนผสมของแห้งตามลงไป แล้วใช้พายยางคนให้เข้ากัน จากนั้นนำแครอทขูด วอลนัต และลูกเกดดำ ใส่ตามลงไปเป็นการปิดท้าย คนส่วนผสมทั้งหมดให้กระจายจนทั่ว 
  • เมื่อส่วนผสมทุกอย่างเข้าที่แล้วให้ทำการเทตัวเค้กใส่ในพิมพ์ แล้วนำเข้าอบประมาณ 25 นาที เมื่อตัวเค้กสุกแล้วให้นำมาพักจนเย็นลงก่อนจะเริ่มนำเสิร์ฟ
  • เพิ่มความอร่อยให้เค้กแครอทด้วยครีมชีส เริ่มด้วยการตีครีมชีส นมข้นหวาน และวานิลลา เข้าด้วยกันจนเนื้อนุ่ม แล้วใส่วิปปิ้งครีมตามไปทีละครึ่ง ตีต่อไปจนเนื้อครีมตั้งยอด เมื่อได้ท็อปปิ้งตามที่ต้องการแล้วก็เลือกตกแต่งความอร่อยให้เต็มที่ได้เลย

6. เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: ชีสเค้กมะม่วง

เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: ชีสเค้กมะม่วง

เติมความสดชื่นด้วยขนมหวานรับหน้าร้อนอย่าง “ชีสเค้กมะม่วง” เข้าสู่ฤดูกาลแห่งผลไม้หวานฉ่ำทั้งที จะพลาดไม่ได้กับการนำความอร่อยมาผสมผสานให้ได้ฟินถึงใจ โดยสูตรเบเกอรีโฮมเมดนี้จะมอบความกลมกล่อมให้คุณได้อย่างเต็มคำ

ส่วนประกอบที่ต้องเตรียม

ส่วนผสมสำหรับฐานชีสเค้ก

  • แครกเกอร์หรือบิสกิต 6 ช้อนโต๊ะ
  • เนยจืด (ละลาย) 3 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมสำหรับครีมชีสมะม่วง

  • ครีมชีส 10 ช้อนโต๊ะ หรือ 150 กรัม
  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 7 ช้อนโต๊ะ 
  • น้ำตาลไอซิ่ง 2 ช้อนโต๊ะ
  • วิปปิ้งครีม 4 ช้อนโต๊ะ
  • มะม่วงปั่น 7 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว ½ ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการทำ

  • เริ่มทำฐานชีสเค้กด้วยการนำแครกเกอร์มาบดให้ละเอียด จากนั้นนำเนยละลายมาผสมคลุกเคล้ารวมกันแครกเกอร์ให้เข้ากัน เมื่อผสมได้อย่างเข้ากันแล้วให้ทำการตักใส่พิมพ์ แล้วแช่ตู้เย็น 30 นาที เพื่อให้ฐานเซตตัว
  • เตรียมความสดชื่นของเมนูด้วยการนำมะม่วงและน้ำมะนาวมาบดรวมกันให้ละเอียด
  • ต่อด้วยส่วนของชีสเค้ก นำครีมชีสมาตีให้นิ่มและฟู จากนั้นใส่โยเกิร์ตและน้ำตาลไอซิ่งตามลงไป ตีจนส่วนผสมเข้ากัน แล้วค่อยใส่มะม่วงบดปิดท้าย ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง 
  • เมื่อส่วนผสมของครีมชีสและมะม่วงเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ให้นำวิปปิ้งครีมมาตีจนเนื้อครีมตั้งยอด เสร็จแล้วให้เทวิปปิ้งครีมแล้วผสมให้เข้ากับครีมชีสจนเนียนแล้วค่อยตักลงพิมพ์ 
  • จากนั้นนำส่วนผสมที่เซตไว้ไปแช่เย็น (ในช่องฟรีซ) ประมาณ 3 ชั่วโมง เมื่อขนมเซตตัวดีแล้ว ก็นำน้ำมะม่วงปั่นมาราดปิดท้าย แล้วต่อด้วยการเติมความอร่อยด้วยเนื้อมะม่วงสุกตามชอบ

7. เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: พายมะพร้าว

เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: พายมะพร้าว

ความสดชื่นรับหน้าร้อนยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เราได้เตรียมสูตรเบเกอรีโฮมเมดมาให้คุณได้ลองในอีกรูปแบบที่อร่อยไม่แพ้พวกเค้ก และคุกกี้ นั่นก็คือ “พายมะพร้าว” ขนมหวานแสนอร่อย สดชื่นถึงใจ ละมุนทุกคำที่ได้กิน 

ส่วนประกอบที่ต้องเตรียม

แป้งพาย

  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 27 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  • เนย 10 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่แดง 2 ฟอง
  • น้ำเย็น 4 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ไก่สำหรับทาหน้า

ไส้มะพร้าวอ่อน

  • น้ำมะพร้าว 34 ช้อนโต๊ะ 
  • แป้งข้าวโพด 6 ช้อนโต๊ะ
  • เนื้อมะพร้าว 21 ช้อนโต๊ะ
  • วุ้นมะพร้าว 8 ช้อนโต๊ะ
  • กะทิ 4 ช้อนโต๊ะ
  • นมข้นหวาน 5 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ ½ ช้อนชา
  • กลิ่นมะพร้าว ½ ช้อนชา

ขั้นตอนการทำ

  • เริ่มเตรียมแป้งด้วยการนำแป้งสาลี เกลือ และน้ำตาลทราย มาปั่นให้พอเข้ากัน จากนั้นใส่เนยตาม ปั่นต่อให้ส่วนผสมมีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ
  • ใส่ไข่แดง และน้ำเย็น ลงในส่วนผสมก่อนหน้าแล้วทำการปั่นต่อ เมื่อตัวแป้งเริ่มจับตัวกันเป็นก้อน ให้หยุดปั่นทันที จากนั้นนำแป้งมาแบ่งออกเป็นสองส่วน ทำการห่อฟิล์มถนอมอาหาร แล้วนำไปแช่เย็นเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
  • ต่อด้วยการเตรียมไส้มะพร้าวอ่อน โดยผสมน้ำมะพร้าวส่วนหนึ่งกับแป้งข้าวโพด และนำน้ำมะพร้าวที่เหลือ มาผสมกับกะทิ นมข้นหวาน น้ำตาลทราย เกลือ และกลิ่นมะพร้าว โดยนำวัตถุดิบทั้งหมดมาใส่หม้อตั้งไฟ เคี่ยวจนพอเดือด แล้วใส่เนื้อมะพร้าว วุ้นมะพร้าว ลงในหม้อผสมแล้วทำการเคี่ยวต่อจนพอเดือดอีกครั้ง ก่อนจะปิดไฟ 
  • จากนั้นให้นำส่วนผสมของน้ำมะพร้าวและแป้งข้าวโพดเทลงหม้อดังกล่าว ก่อนตั้งไฟอีกครั้ง แล้วทำการคนให้เข้ากัน เมื่อกวนจนข้นสุกแล้วให้นำหม้อผสมออกมาหล่อชามน้ำเย็น ก่อนจะนำตัวไส้มะพร้าวไปพักต่อในตู้เย็น
  • ระหว่างรอให้ไส้มะพร้าวที่เตรียมไว้ได้ที่ นำพิมพ์เข็มขัดขนาด 9 นิ้ว มาฉีดสเปรย์น้ำมันให้ทั่ว ก่อนทำการคลึงแป้งส่วนแรกกรุฐานและด้านข้าง จากนั้นนำไส้มะพร้าวที่เตรียมไว้เทตามลงไป แล้วทำการคลึงโดว์อีกส่วนเพื่อปิดหน้า จากนั้นทำการกดขอบให้ติดกัน ใช้ส้อมกดให้เป็นลายสวยงามตามความชอบ 
  • อย่าลืมนำมีดมากรีดหน้าพายเป็นระยะ และทาไข่ไก่ให้ทั่ว จากนั้นนำพายมะพร้าวของคุณเข้าอบที่อุณหภูมิ 200 องศา (ปิดหน้าพายด้วยฟอยล์) 30 นาที แล้วทำการลดความร้อนลงที่ 180 องศา (นำฟอล์ยออกจากหน้าพายมะพร้าว) แล้วทำการอบต่อ 30 นาที เพียงเท่านี้คุณก็จะได้เมนูพายแสนอร่อยแล้ว

8. เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: ทาร์ตพุดดิ้ง

เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: ทาร์ตพุดดิ้ง

พบกับเมนูความอร่อย ที่สุดแสนจะละมุนจนหัวใจต้องพองโต “ทาร์ตพุดดิ้ง” ขนมยอดนิยมที่สายหวานต่างยกนิ้วให้ทันทีที่ได้กิน ด้วยความละมุนของตัวพุดดิ้งไข่ ที่ผสมผสานกับความกรอบของทาร์ต แถมยังเข้มข้นทุกรสชาติ สร้างความประทับใจในทุกคำที่คุณได้กินอย่างแน่นอน 

ส่วนประกอบที่ต้องเตรียม

ส่วนผสมสำหรับแป้งทาร์ต

  • เนยเค็ม (เย็น) 9 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งเค้ก 17 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่แดง 3 ฟอง 

ส่วนผสมสำหรับพุดดิ้ง

  • นมจืด 3 ช้อนโต๊ะ
  • วิปปิ้งครีม (จืด) 25 ช้อนโต๊ะ 
  • น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่แดง 7 ฟอง 

*รายละเอียดในกรณีที่อยากปรับเปลี่ยนไส้ทาร์ต 

  • ชาเขียว ¾ ช้อนโต๊ะ (ต่อสูตร 10 ถ้วย)
  • ช็อกโกแลต ¾ ช้อนโต๊ะ และผงกาแฟ 1½ ช้อนชา

หมายเหตุ: ในกรณีที่อยากเปลี่ยนรสชาติไส้ของทาร์ตพุดดิ้ง ต้องนำส่วนผสมของไส้ขนมดังกล่าวมาละลายนมสดก่อนผสม 

ขั้นตอนการทำ

  • เริ่มด้วยการวอร์มเตาอบที่ 210 องศา โดยการเปิดไฟบนและเปิดไฟล่าง และทำการอบจริงในช่วงเวลาที่กำหนด โดยใช้ไฟที่ 200 องศา
  • ทำตัวแป้งทาร์ตด้วยการนำเนยเย็นมาผสมกับน้ำตาลทราย ทำการบดและบี้วัตถุดิบให้เข้ากัน ซึ่งปกติแล้วตัวเนยต้องเย็นเสมอ
  • เมื่อตัวเนยกับน้ำตาลเข้ากันดีแล้ว ให้นำตัวแป้งเค้กมาผสมกันอีกครั้งด้วยการใช้ไม้พายคนเขาให้เข้ากันจนเป็นก้อน จากนั้นทำการขึ้นรูปตัวแป้ง (อาจใช้พิมพ์หรือถ้วยเล็กๆ ในการทำ) ให้มีความหนาประมาณ 0.5 เซนติเมตร
  • ต่อด้วยส่วนของตัวพุดดิ้ง ให้นำนม วิปปิ้งครีม น้ำตาลทราย กลิ่นวานิลลา มาผสมร่วมกันในหม้อโดยตั้งไฟคน เมื่อร้อนแล้วให้ทำการปิดไฟแล้วใส่ไข่แดงตามไป คอยคนเรื่อยๆ (และตัวพุดดิ้งไม่ควรให้น้ำเดือด)
  • หลังจากคนส่วนผสมเรียบร้อยให้นำส่วนผสมมากรองผ่านตะแกรงก่อน เมื่อได้น้ำพุดดิ้งตามต้องการแล้วให้นำ น้ำพุดดิ้งมาเทใส่แก้วทาร์ตก่อนจะนำเข้าเตาอบที่ 200 องศา (เปิดหรือไม่เปิดพัดลมก็ได้) เมื่ออบได้ครึ่งทางให้กลับฝั่งตะแกรง
  • เมื่อขนมทาร์ตพุดดิ้งสุกแล้ว ปล่อยให้ขนมเซทตัวเอง ด้วยการปล่อยให้เย็น คุณจะเห็นได้เลยว่าตัวขนมจะยุบลงและตัวเนื้อพุดดิ้งจะมีความเงาวาวน่ากินอย่างมาก

9. เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: เค้กกล้วยหอม

เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: เค้กกล้วยหอม

ต่อด้วยกับเมนูเบเกอรี่ที่มีความอมตะแบบสุดๆ อย่าง “เค้กกล้วยหอม” เชื่อว่านักชิมสายหวานต้องเคยลิ้มลองกันมาบ้างแล้ว แต่สูตรนี้มีความพิเศษอย่างมากที่จะทำให้คุณฟินกับเบเกอรีโฮมเมดอย่างถึงที่สุด 

ส่วนประกอบที่ต้องเตรียม

  • แป้งอเนกประสงค์ 13 ช้อนโต๊ะ
  • ผงฟู ½ ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา ½ ช้อนชา
  • เนยจืด หรือเนยเค็ม 7 ช้อนโต๊ะ 
  • น้ำตาลทราย 7 ช้อนโต๊ะ 
  • ไข่ 1 ฟอง
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • กล้วยหอมสุก 13 ช้อนโต๊ะ
  • วิปปิ้งครีม 6 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเลมอน 1 ช้อนชา
  • กล้วยสำหรับตกแต่ง 1 ลูก

ขั้นตอนการทำ

  • เริ่มวอร์มเตาอบด้วยการตั้งไฟที่ 180 องศา แล้วทำการทาเนย วางกระดาษรองอบลงในพิมพ์ขนาด 18 เซนติเมตร
  • ผสมน้ำเลมอน และวิปปิ้งครีมเข้าด้วยกัน แล้วพักไว้ 15 นาที
  • จากนั้นทำการร่อนแป้ง ผงฟู และเบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน 
  • แล้วนำเนย วานิลลา เกลือตีกันจนนิ่ม ก่อนจะใส่น้ำตาลลงไปแล้วตีส่วนผสมจนสีอ่อนลง ใส่กล้วยหอมสุกลงไปในส่วนผสมก่อนหน้า แล้วตีให้เข้ากัน ก่อนจะใส่ไข่ตามลงไป จากนั้นตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน 
  • นำส่วนผสมแห้งที่ร่อนไว้แบ่งครึ่งส่วนลงในถ้วยส่วนผสมแล้วตีให้เข้ากัน จากนั้นใส่วิปปิ้งครีมที่ผสมไว้ตามลงไป ทำการตีให้ส่วนผสมเข้ากัน ก่อนจะใส่แป้งที่เหลือทั้งหมดตามลงไป แล้วตีให้เข้ากัน ไม่เป็นก้อน
  • เมื่อได้ส่วนผสมตามต้องการแล้วให้เทลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ จากนั้นฝานกล้วยเป็น 2 ชิ้นแล้ววางลงด้านบนเค้ก พร้อมโรยด้วยน้ำตาลทรายปิดท้าย แล้วนำไปอบ โดยใช้เวลาทั้งหมด 60 นาที
  • เมื่อเค้กกล้วยหอมอบเสร็จแล้วให้นำเค้กออกมาพักก่อน 10 นาที ก่อนนำออกจากพิมพ์ แล้วนำเสิร์ฟได้เลย

10. เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: สตอเบอรี่ชีสพาย

เมนูเบเกอรีโฮมเมดที่ต้องลอง: สตอเบอรี่ชีสพาย

เมนูสุดท้ายของเบเกอรีโฮมเมด “สตอเบอรี่ชีสพาย” อีกหนึ่งเมนูยอดฮิตที่นักชิมทุกแขนงต่างหลังรักไม่แพ้กัน ด้วยความหวานหอมละมุนของตัวแครกเกอร์ ตัดเลี่ยนครีมชีสด้วยซอสสตอเบอรี่ ที่กินพร้อมกันจะเต็มไปด้วยความหอมหวาน อร่อย คละคลุ้งอย่างเต็มคำ 

ส่วนประกอบที่ต้องเตรียม

  • ครีมชีส 30 ช้อนโต๊ะ
  • แครกเกอร์บด 20 ช้อนโต๊ะ
  • เนยเค็ม 12 ช้อนโต๊ะ
  • นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
  • วิปปิ้งครีม 17 ช้อนโต๊ะ หรือ 250 มิลลิลิตร
  • น้ำเย็น 2 ช้อนโต๊ะ หรือ 35 มิลลิลิตร
  • ซอสสตอเบอร์รี่ 1 กระป๋อง

ขั้นตอนการทำ

  • เริ่มทำฐานความอร่อยด้วยการนำเนยเค็มมาละลายก่อนนำไปผสมกับตัวแครกเกอร์
  • นำครีมชีสมาปั่นให้นิ่มก่อนจะใส่นมข้นหวานตามไป แล้วทำการปั่นให้เข้ากันต่อ จากนั้นใส่วิปปิ้งครีมต่อ แล้วทำการปั่นให้เข้ากันเป็นรอบสุดท้าย
  • นำแครกเกอร์มาตักใส่ภาชนะที่เตรียมไว้เป็นชั้นแรก (สำคัญมากคือการใช้ช้อนกดให้ฐานแครกเกอร์แน่น) จากนั้นตักส่วนผสมครีมชีสลงไปเป็นชั้นที่ 2 แล้วทำการตักซอสสตรอเบอรี่ราดเป็น ท็อปปิ้งด้านบนปิดท้ายความอร่อย 

ท้ายบทความ

เบเกอรีโฮมเมด ขนมที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ ซึ่งถือเป็นสูตรความอร่อยที่ทำให้ขนมของคุณพิเศษยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะด้วยกระบวนการคัดสรรวัตถุดิบ หรือจะเป็นการแสดงฝีมือในการปรุงแต่งให้เบเกอรีแสนอร่อยนั้นให้สมบูรณ์แบบด้วยความตั้งใจ ทั้งหมดคือความใส่ใจที่ต้องการแบ่งปันความสุขผ่านความอร่อยด้วยตัวคุณเอง

มาร่วมแบ่งปันความสุขด้วยความตั้งใจให้คนที่คุณรัก เลือกหยิบสูตรเบเกอรีโฮมเมดที่ชอบ ลองลงมือทำสักตั้ง แล้วเสิร์ฟความสุข แบ่งปันความอร่อยผ่านเมนูโปรดที่คุณเลือกสรร รับรองได้เลยว่าคนได้รับจะต้องประทับใจแบบไม่รู้ลืมอย่างแน่นอนค่ะ

ebook-banner-1